วันศุกร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2556

บันทึกเส้นทางสีแดงสู่ประชาธิปไตย ตอนที่ 16


25 October 2013 at 01:10
ตอนที่ 16 ลาววันที่สอง ขึ้นภูเขาสูง นอนบ้านชาวข่า

พวกเราตื่นขึ้นมาด้วยความกระปรี้กระเปร่าหลังจากได้นอนเต็มอิ่มคืนแรกในลาว หลังอาหารเช้าพวกเราออกเดินทางมุ่งหน้าเมืองหลักซาว ระยะทางไม่ต่ำกว่า 100 กม. ก่อนออกเดินทางได้ถ่ายรูปนักปั่นทั้งหมดหน้ารีสอร์ทเป็นที่ระลึก

ช่วงครึ่งวันแรกพวกเราปั่นจักรยานไต่ขึ้นภูเขาสูงเหนือเขื่อนน้ำเทิน อากาศเช้านั้นเย็นสบาย ท้องฟ้าแจ่มใส ยิ่งสายภูมิประเทศก็ยิ่งสูงชัน บางครั้งต้องจูงจักรยานขึ้นเขาและนั่งพักกลางทาง ต้องพักทุก 40 นาที ลุงคะนึง และรอ.ปรีชา ที่อายุมากแล้วเหนื่อยมากถึงขนาดม่อยหลับทั้งที่เป็นเวลา 11 โมงเศษ ผมถือโอกาสนั่งพัก เปิดเพลงจากโทรศัพท์มือถือ และถ่ายคลิปวีดีโอเก็บไว้

ช่วงเที่ยงพวกเราปั่นจักรยานผ่านหมู่บ้านชนกลุ่มน้อยแห่งแรก แวะทานอาหารเที่ยงซึ่งเป็นก๋วยเตี๋ยวเนื้อ รสชาติพอทานได้แต่ราคาแพงมาก ชามละ 60 บาท พวกเราแวะถ่ายรูปกับเด็กๆชาวลาวเป็นที่ระลึก

ช่วงบ่ายผมพบว่าตัวเองปั่นจักรยานอยู่บนภูเขาที่เงียบสงบ ไม่มีเสียงรถเสียงผู้คนหรือไม่กระทั่งเสียงนกร้อง ผ่านทะเลสาบที่ราบเรียบและนิ่งสงบ ผมรู้สึกเหมือนอยู่คนละโลกกับเมืองไทยที่ยังสับสนวุ่นวายจากความขัดแย้งทางการเมือง ผมเก็บภาพที่น่าประทับใจเหล่านี้ให้มากที่สุด ตั้งแต่ที่ผมทำกิจกรรมปั่นจักรยานมาหลายประเทศในอาเซียน ผมคิดว่าทัศนียภาพของวันนี้น่าจะงดงามที่สุด บางครั้งรู้สึกเหมือนอยู่อีกโลกหนึ่ง บางภาพถ่ายแล้วงดงามเหมือนความฝัน

ประมาณบ่าย 3 ถนนก็เริ่มเปลี่ยนสภาพ จากถนนคอนกรีตเหนือเขื่อนน้ำเทินกลายเป็นถนนลูกรัง และสภาพถนนบางช่วงไม่ต่างอะไรกับการเดินบุกป่าในนิยายเรื่องเพชรพระอุมา บางครั้งเหมือนกับเห็นนักปั่นข้างหน้าปั่นจักรยานหายลับเข้าไปในป่าลึก เมื่อปั่นตามเข้าไปก็พบว่าถนนลูกรังสองเลนเริ่มลดเหลือเลนเดียวและขรุขระ แทบไม่เหลือสภาพถนนแต่เหมือนทางเดินในป่ามากกว่า

เวลาประมาณ 5 โมงเศษ ผมซึ่งปั่นจักรยานหลังสุดเพราะมัวแต่ถ่ายรูปก็มาถึงทางที่เห็นแล้วแทบจะอ่อนใจ ถนนลูกรังข้างหน้าปิดเพราะมีรถแทรกเตอร์ทำงาน ขุดลากต้นไม้ใหญ่ที่ล้มขวางถนนไว้ บนฟ้ามีเมฆดำครึ้มและมีฟ้าร้อง ดูเหมือนว่าพายุน่าจะมาถึงในอีกไม่กี่นาที ผมรอจนกระทั่งรถแทรกเตอร์หยุดทำงานจึงพยายามปั่นไปให้ได้มากที่สุด ถนนลูกรังกลายเป็นดินแดงเต็มไปด้วยฝุ่นหนา ไม่นานนัก ฝนก็เทกระหน่ำลงมา

ผมต้องปั่นจักรยานอยู่คนเดียวกลางป่าที่มีฝนตกหนัก มีอยู่ครั้งหนึ่งที่จักรยานลื่นจนล้ม เนื้อตัวเปียกไปด้วยฝนและโคลน มอมแมมชนิดที่ไม่เคยเจอมาก่อน ความรู้สึกกลัวเกิดขึ้นในจิตใจเนื่องจากขณะนั้นพลัดหลงกับสมาชิกคนอื่น และเริ่มไม่แน่ใจว่าจะต้องค้างคืนกลางป่าหรือไม่ ผมไม่มีทั้งเสบียง และไฟฉายที่จะใช้ยามฉุกเฉิน ที่โค้งข้างหน้าผมเห็นมีควันไฟและมีด่านเล็กๆ ดูเหมือนเป็นด่านของเจ้าหน้าที่ มีก่อกองไฟที่ไกล้มอด กล้วยน้ำว้าสองหวีแขวนอยู่เหนือเพิง ผมใจชื้นขึ้นมาก อย่างน้อยที่สุดก็มีที่พักหลบฝน และมีกล้วยที่อาจจะขอชาวบ้านกินเป็นอาหารมือเย็นถ้าหากต้องค้างแรมกลางป่าจริง

โชคของผมยังดีที่ฝนเริ่มซาและได้เจอกับคุณชัชชัยซึ่งปั่นตามมา มีชาวลาวสองคนที่หลบฝนอยู่ก่อนหน้าแต่ไม่สามารถสื่อสารกันได้ จึงได้ใช้ภาษามือขอกล้วยกินแก้หิว อากาศบนหุบเขาหลังฝนตกลดลงอย่างรวดเร็ว ผมและคุณชัชชัยไปยืนผิงไฟเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่น

เมื่อฝนขาดเม็ดพวกเราได้ออกปั่นจักรยานมุ่งไปข้างหน้า พระอาทิตย์เริ่มตกและเริ่มมองไม่เห็นทาง โชคดีที่เมื่อปั่นอีกไม่เกิน 15 นาทีพวกเราก็ออกจากหุบเขาและมาเจอหมู่บ้านชาวเขาอยู่ข้างหน้า นักปั่นส่วนใหญ่ที่มาก่อนได้จอดรถรอข้างทาง ผู้การผดุงซึ่งเป็นชาวอุดรได้ส่งภาษากับชาวเขาที่นี่ซึ่งสามารถสื่อสารกันพอรู้เรื่อง

ผู้การผดุงแจ้งกับผมว่าที่นี่เป็นหมู่บ้านชาวข่าซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยที่อาศัยอยู่บนภูเขาแห่งนี้ ผู้การผดุงแนะให้พวกเราพักค้างคืนที่นี่ และพาไปหา “นายบ้าน” (ผู้ใหญ่บ้าน) ที่ชื่อเวียง บ้านของนายบ้านเวียงอยู่ไม่ไกลนัก นายบ้านเวียงเล่าว่าเพิ่งจะมาลูกบ้านอพยพมาตั้งถิ่นฐานที่นี่ไม่นาน และยินดีที่จะให้พวกเราพักค้างแรม 1 คืน

ผมถือไฟฉายเดินไปที่ร้านของชำเล็กๆที่อยู่ไกล้ๆ ซื้อเสบียงเท่าที่จะพอหาได้มา มี บะหมี่สำเร็จรูป 6 ห่อ ปลากระป๋อง 6 กระป๋อง ไข่ไก่ 8 ฟอง และซื้อของเป็นกำนันให้แก่เจ้าของบ้าน มีเบียร์ 1 ขวด ไข่ไก่ 1 โหล บะหมี่สำเร็จรูปจำนวนหนึ่ง

บ้านของนายบ้านเวียงดูไม่ต่างจากหนังไทยเมื่อหลายสิบปีก่อน หรือไม่ก็เป็นบ้านชาวเขาที่อยู่ในหนังสือเดินป่า เป็นบ้านไม้หลังเล็กๆยกสูง ใต้ถุนเลี้ยงสัตว์เลี้ยง เช่น แพะ ไก่ บนบ้านไม่มีห้องน้ำหากจะเข้าห้องน้ำหรืออาบน้ำต้องไปลำธารหลังหมู่บ้าน ห้องครัวกับห้องนอนอยู่ติดกัน การหุงข้าวหุงโดยใช้ฟืนและกระทะต้องแขวนห้อยลงมาจากเพดาน ผมนำของฝากไปให้กับนายบ้านพร้อมกับส่งภาษามือบอกว่าเป็นของฝาก

อาหารมื้อนั้นเป็นอาหารที่กินกันอย่างง่ายที่สุด นั่งล้อมวงทานกันริมกองไฟ หลังจากทานอาหารเสร็จผมเตือนให้ทุกคนทานยาแก้ไข้เนื่องจากตากฝนมาช่วงเย็น นายบ้านนำเหล้าป่ามาให้พวกเราสองขวดทานแก้หนาว และได้สละห้องนอนซึ่งมีฟูกเก่าๆและผ้าม่านรูดเป็นฉากกั้น

คืนนั้นพวกเรานอนโดยไม่มีใครได้อาบน้ำ ผมบอกกับตัวเองว่าวันนี้เป็นวันที่สมบุกสมบันที่สุดในการทำกิจกรรม และหากมีโอกาสผมจะย้อมกลับมาเส้นทางนี้อีกครั้ง !


มุ่งหน้าหมู่บ้านชาวข่า ชนกลุ่มน้อยบนภูเขาสูงของลาว ทางไปเมืองหลักซาว สปป.ลาว
มุ่งหน้าหมู่บ้านชาวข่า ชนกลุ่มน้อยบนภูเขาสูงของลาว ทางไปเมืองหลักซาว สปป.ลาว


ทางขึ้นเหนือเขื่อนน้ำเทิน ช่วงเช้าวันที่ 2 ในลาว
ทางขึ้นเหนือเขื่อนน้ำเทิน ช่วงเช้าวันที่ 2 ในลาว


ผอ.พินิจ กับรอยยิ้มบนภูสูงเหนือเขื่อนน้ำเทิน
ผอ.พินิจ กับรอยยิ้มบนภูสูงเหนือเขื่อนน้ำเทิน


ขณะแวะพักกลางทางเหนือเขื่อนน้ำเทิน
ขณะแวะพักกลางทางเหนือเขื่อนน้ำเทิน


ถ่ายกับเด็กๆชาวลาวหลังรับประทานอาหารกลางวัน
ถ่ายกับเด็กๆชาวลาวหลังรับประทานอาหารกลางวัน


เหนือทะเลสาปบนภูเขา เหนือเขื่อนน้ำเทิน
เหนือทะเลสาปบนภูเขา เหนือเขื่อนน้ำเทิน


ทัศนียภาพงดงามเหนือเขื่อนน้ำเทิน
ทัศนียภาพงดงามเหนือเขื่อนน้ำเทิน


ทัศนียภาพงดงามเหนือเขื่อนน้ำเทิน
ทัศนียภาพงดงามเหนือเขื่อนน้ำเทิน


ป้ายทางเข้าหมู่บ้านชาวลาว
ป้ายทางเข้าหมู่บ้านชาวลาว


เหนือทะเลสาปเขื่อนน้ำเทิน
เหนือทะเลสาปเขื่อนน้ำเทิน


เหนือเขื่อนน้ำเทิน มุ่งหน้าหมู่บ้านชนกลุ่มน้อย
เหนือเขื่อนน้ำเทิน มุ่งหน้าหมู่บ้านชนกลุ่มน้อย


รอ.ปรีชาขณะมุ่งหน้าขึ้นภูเขาสูง เข้าเขตหมู่บ้านชนกลุ่มน้อย
รอ.ปรีชาขณะมุ่งหน้าขึ้นภูเขาสูง เข้าเขตหมู่บ้านชนกลุ่มน้อย


สภาพถนนไม่ต่างจากปั่นจักรยานในป่าช่วงบ่าย
สภาพถนนไม่ต่างจากปั่นจักรยานในป่าช่วงบ่าย


ผู้การผดุงมอบเงินให้กับนายบ้านเวียงตอบแทนน้ำใจ
ผู้การผดุงมอบเงินให้กับนายบ้านเวียงตอบแทนน้ำใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น