3. เหตุการณ์วันที่เสธแดงถูกลอบยิง 13 พค.2553
วันที่ 10 เมย.ผมอยู่ที่ราชประสงค์จนถึง 4.30 น. แน่ใจว่าทหารไม่เข้ามาสลายการชุมนุมจึงได้กลับบ้าน หลังจากนั้นผมได้มาร่วมชุมนุมแทบทุกวัน ช่วงปลายเดือนเมย.เวลาประมาณ 22.30 น.ผมมีโอกาสพบคนเสื้อแดงคนหนึ่งที่ไปสู้กับทหารในวันที่ 10 เมย. ผมพบชายคนนี้ตรงบริเวณทางเดินไปห้องน้ำชั้นใต้ดินของเซ็นทรัลเวิลด์ ผมได้สนทนากับเขาอยู่นาน เขาบอกว่าเขาไปปะทะกับทหารที่ผ่านฟ้า และมีผู้หญิงคนหนึ่งถูกยิงล้มล้มข้างหน้าเขา เขาจึงลากผู้หญิงคนนั้นเข้าข้างทาง ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงระเบิดข้างกายเขา แล้วเขาก็หมดสติ ตื่นมาพบว่าตัวเองอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ตาข้างหนึ่งถูกหมอควักออกไปเพราะโดนสะเก็ดระเบิด เขาไม่รอให้อาการหายสนิท ออกจากโรงพยาบาลและมาชุมนุมต่อที่ราชประสงค์ทั้งๆที่เหลือตาข้างเดียว ชายคนนี้อายุประมาณ 45 ปี เป็นชาวพิษณุโลก อาชีพทำไร่อ้อย รูปร่างล่ำสันแข็งแร็ง สูงประมาณ 170 ซม.ผิวดำแดง ตัดผมรองทรง ใส่กางเกงทหาร ในขณะที่ผมสนทนามีคนเสื้อแดงร่วมฟังด้วยจำนวนมาก ผมจำได้ว่ามีคนควักเงินให้ชายคนนี้ 2,000 บาท เขาไม่ยอมรับ ผมแนะนำให้เขารับไป และบอกว่าพวกเราเป็นหนี้สายตาข้างนี้ของเขา เขาขอบคุณและเดินจากไปที่เวที
ในวันที่ 13 พค.ซึ่งเป็นวันที่เสธแดงถูกยิงผมนั่งพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ตั้งใจว่าจะไปชุมนุมช่วงเย็น เห็นคุณแรมโบ้ประกาศเรียกคนเสื้อแดงอยู่บนเวที ตะโกนบอกว่าให้คนเสื้อแดงออกมาช่วยด้วยๆ เพราะทหารจะสลายแล้ว เสียงคุณแรมโบ้ร้อนรนผิดสังเกตุ ผมรีบแต่งตัวและไปขึ้นรถจิตอาสาที่อิมพีเรียลสำโรงในเวลาประมาณ 16.00 น. ในวันนั้นการจราจรติดขัดผิดปกติ เข้าใจว่าจะเป็นรถของคนเสื้อแดงที่ทยอยออกไปที่ราชประสงค์ เมื่อรถถึงบริเวณถนนพระราม 4 ผมเห็นรถหุ้นเกราะ 2 คัน วิ่งน้ำหน้ารถขนทหาร 2 คัน ภายนอกมีผ้าคลุมรถมองไม่เห็นข้างใน แต่เมื่อมองเข้าไปท้ายรถพบทหารนัั่งอยู่เต็มรถพร้อมอาวุธครบมือ ผมนั่งมองด้วยความตกใจไม่คิดว่าสถานการณ์จะร้ายแรงถึงขนาดนี้ ความรู้สึกบอกกับตัวเองว่านี่มันกรุงเทพหรือว่าชายแดนกันแน่
รถถึงด่านศาลาแดง (บริเวณลานอนุเสาวรีย์ร.6 ฝั่งตรงข้ามโรงแรมดุสิต) ในเวลา 18.45 น. คนเสื้อแดงที่รักษาด่านอยู่เห็นมีรถพาคนเสื้อแดงมาเสริมก็เฮด้วยความดีใจ ในทันทีที่ลงรถผมเห็นเสธแดงยืนให้สัมภาษณ์นักข่าวต่างชาติประมาณ 4-5 คน ผมไม่เคยเห็นเสธแดงตัวจริงเลยยืนดูอยู่สักพัก เสธแดงใส่หมวกปีกกว้าง และยืนห่างจากกำแพงออกมาหลายเมตร ผมคิดของผมว่าเสธแดงค่อนข้างประมาทเพราะถนนฝั่งตรงข้ามมีทหารยืนประจำการเต็มไปหมด หลังจากนั้นผมก็เดินไปทางราชดำริเพื่อไปที่เวทีราชประสงค์
เมื่อเดินถึงบริเวณราชดำริ ผมได้ยินเสียงแตรรถบีบไล่กันมาจากศาลาแดง ผู้คนแตกตื่นอลหม่าน หลายคนเหลียวหน้าเหลียวหลังอย่างไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร มีคนขี่มอเตอร์ไซด์ผ่านหน้าผมไปด้วยความเร็วหลายคัน หนึ่งในนั้นตะโกนว่า "ทหารยิงประชาชนแล้วๆ" สักพักผมได้ยินเสียงไซเรนของรถพยาบาลวิ่งผ่านหน้าผมไป เมื่อมองเข้าไปพบชายคนหนึ่งนอนหงาย ร่างกายท่อนบนชุ่มไปด้วยเลือด มีบรุษพยาบาลประคอง 2 คน
เมื่อแน่ใจว่าเริ่มมีการยิงประชาชนขึ้น ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่เวที ผมผ่านเตนท์สุดท้ายก่อนที่จะถึงด้านหลังของเวที เห็นพระภิกษุรูปหนึ่งกำลังสนทนากับญาติโยมด้านใน ผมตรงเข้าไปกราบก่อนที่จะไม่มัโอกาสกราบผ้าเหลือง ท่านถามผมว่า "มีอะไรหรือโยม" ผมเรียนท่านว่า "ทหารยิงประชาชนแล้วครับๆ" แล้วก็รีบไปที่เวที
ที่เวทีดูเหมือนจะยังไม่ทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้น ผมไปยืนสมทบกับผู้ชุมนุมที่ฝั่งซ้ายมือของเวที ผู้ชุมนุมหลายคนบริเวณนั้นคงจะเห็นมีคนหน้าตาตื่นมา หลายคนมาถามผมว่ามีอะไรเกิดขึ้น ผมบอกว่าที่ศาลาแดงมีการยิงกันแล้ว หลายคนทำหน้างงๆ แต่มีบางคนลุกมาถามผมว่า มีข่าวว่าเสธแดงโดนยิง มีการส่งข้อความผ่าน sms ทางโทรศัพท์ ผมตอบว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะผมเพิ่งเห็นเสธแดงยืนให้สัมภาษณ์นักข่าวอยู่ไม่เกิน 15 นาทีนี้
ในขณะนั้นคุณจตุพรกำลังปราศัยบนเวทีด้วยท่าทีที่ดุดัน ไม่นานนักคุณจตุพรก็หยุดปราศัย (เข้าใจว่ามีคนไปบอกข่าว) หลังจากนั้นคุณจตุพรได้กล่าวกับผู้ชุมนุมว่าได้รับการยืนยันว่าเสธแดงถุกยิงที่ศาลาแดง ขณะนี้ถูกนำส่งโรงพยาบาล ผมได้ยินเสียงคนเสื้อแดงหลายคนหวีดร้องด้วยความตกใจ บางคนตะลึง บางคนพึมพำบอกไม่เชื่อ ข่าวที่คุณจตุพรบอกบนเวทีเป็นข่าวที่สร้างความตกใจให้กับคนเสื้อแดงมาก บางคนเริ่มร้องไห้ออกมา
บนเวทีเริ่มแจ้งกับผู้ชุมนุมว่าทหารได้ปิดด่านทุกด้านแล้ว ป้องกันไม่ให้คนเข้าหรือออกจากบริเวณชุมนุม ศอฉ.ได้สั่งตัดน้ำ ตัดไฟ และสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เหตุการณ์เริ่มตึงเครียดมากขึ้น คืนนั้นการโทรศัพท์หาญาติพี่น้องเป็นเรื่องค่อนข้างลำบาก แต่บางพื้นที่ยังมีคลื่นสัญญาณ เช่น บริเวณลานหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์
คืนนั้นเป็นคืนแรกที่ผมต้องนอนค้างที่หน้าเวทีเพราะทหารปิดทางเข้าออกหมดทุกด้าน เวลาประมาณเที่ยงคืนเศษผมเดินไปสังเกตุการณ์ที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าราชดำริ ตลอดทางมีแต่ความมืดมิด ไฟส่องสว่างที่อยู่ข้างทางถูกคนเสื้อแดงตีแตกจนหมด เมื่อสอบถามสาเหตุที่ต้องตีไฟส่องถนนข้างทางแตกก็ได้รับคำตอบว่าทหารเริ่มยิงประชาชนจากตึกสูง มีแท็กซี่คนหนึ่งและคนที่ถือกล้องถ่ายรูปคนหนึ่งถูกยิงโดยไม่ทราบสาเหตุ จุดที่ผมเดินไปได้ไกลที่สุดคือบริเวณหน้าสน.ลุมพินี ที่นั่นเริ่มมีข่าวลือที่เป็นการเพิ่มกำลังใจให้กับคนเสื้อแดง เช่น ข่าวลือที่บอกว่าทหารเรือจะมาช่วยคนเสื้อแดง ฯลฯ
เช้าตรู่วันถัดมาผมเดินมาที่ด่านศาลาแดง พบการ์ดของคนเสื้อแดงอยู่หลายคน บางคนร้องไห้ตาแดงก่ำ เมื่อสอบถามว่าคนยิงเสธแดงยิงมาจากด้านไหน ทุกคนล้วนชี้ตรงกันไปที่ฝั่งโรงแรมดุสิต ผมเงยหน้าไปตามมือที่ชี้ พบว่าบนตึกของดุสิตธานี (ตึกที่อยู่ติดถนนด้านหน้า ไม่ใช่อาคารโรงแรม) ด้านบนสุดมีกระจกที่หันเข้าหาถนน 4 บาน บานที่ 2 นับจากขวามือมีรอยรูเท่ากำปั้น พวกเขาบอกว่าทหารยิงมาจากตรงนั้น !
.
วันที่ 10 เมย.ผมอยู่ที่ราชประสงค์จนถึง 4.30 น. แน่ใจว่าทหารไม่เข้ามาสลายการชุมนุมจึงได้กลับบ้าน หลังจากนั้นผมได้มาร่วมชุมนุมแทบทุกวัน ช่วงปลายเดือนเมย.เวลาประมาณ 22.30 น.ผมมีโอกาสพบคนเสื้อแดงคนหนึ่งที่ไปสู้กับทหารในวันที่ 10 เมย. ผมพบชายคนนี้ตรงบริเวณทางเดินไปห้องน้ำชั้นใต้ดินของเซ็นทรัลเวิลด์ ผมได้สนทนากับเขาอยู่นาน เขาบอกว่าเขาไปปะทะกับทหารที่ผ่านฟ้า และมีผู้หญิงคนหนึ่งถูกยิงล้มล้มข้างหน้าเขา เขาจึงลากผู้หญิงคนนั้นเข้าข้างทาง ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงระเบิดข้างกายเขา แล้วเขาก็หมดสติ ตื่นมาพบว่าตัวเองอยู่ในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ตาข้างหนึ่งถูกหมอควักออกไปเพราะโดนสะเก็ดระเบิด เขาไม่รอให้อาการหายสนิท ออกจากโรงพยาบาลและมาชุมนุมต่อที่ราชประสงค์ทั้งๆที่เหลือตาข้างเดียว ชายคนนี้อายุประมาณ 45 ปี เป็นชาวพิษณุโลก อาชีพทำไร่อ้อย รูปร่างล่ำสันแข็งแร็ง สูงประมาณ 170 ซม.ผิวดำแดง ตัดผมรองทรง ใส่กางเกงทหาร ในขณะที่ผมสนทนามีคนเสื้อแดงร่วมฟังด้วยจำนวนมาก ผมจำได้ว่ามีคนควักเงินให้ชายคนนี้ 2,000 บาท เขาไม่ยอมรับ ผมแนะนำให้เขารับไป และบอกว่าพวกเราเป็นหนี้สายตาข้างนี้ของเขา เขาขอบคุณและเดินจากไปที่เวที
ในวันที่ 13 พค.ซึ่งเป็นวันที่เสธแดงถูกยิงผมนั่งพักผ่อนอยู่ที่บ้าน ตั้งใจว่าจะไปชุมนุมช่วงเย็น เห็นคุณแรมโบ้ประกาศเรียกคนเสื้อแดงอยู่บนเวที ตะโกนบอกว่าให้คนเสื้อแดงออกมาช่วยด้วยๆ เพราะทหารจะสลายแล้ว เสียงคุณแรมโบ้ร้อนรนผิดสังเกตุ ผมรีบแต่งตัวและไปขึ้นรถจิตอาสาที่อิมพีเรียลสำโรงในเวลาประมาณ 16.00 น. ในวันนั้นการจราจรติดขัดผิดปกติ เข้าใจว่าจะเป็นรถของคนเสื้อแดงที่ทยอยออกไปที่ราชประสงค์ เมื่อรถถึงบริเวณถนนพระราม 4 ผมเห็นรถหุ้นเกราะ 2 คัน วิ่งน้ำหน้ารถขนทหาร 2 คัน ภายนอกมีผ้าคลุมรถมองไม่เห็นข้างใน แต่เมื่อมองเข้าไปท้ายรถพบทหารนัั่งอยู่เต็มรถพร้อมอาวุธครบมือ ผมนั่งมองด้วยความตกใจไม่คิดว่าสถานการณ์จะร้ายแรงถึงขนาดนี้ ความรู้สึกบอกกับตัวเองว่านี่มันกรุงเทพหรือว่าชายแดนกันแน่
รถถึงด่านศาลาแดง (บริเวณลานอนุเสาวรีย์ร.6 ฝั่งตรงข้ามโรงแรมดุสิต) ในเวลา 18.45 น. คนเสื้อแดงที่รักษาด่านอยู่เห็นมีรถพาคนเสื้อแดงมาเสริมก็เฮด้วยความดีใจ ในทันทีที่ลงรถผมเห็นเสธแดงยืนให้สัมภาษณ์นักข่าวต่างชาติประมาณ 4-5 คน ผมไม่เคยเห็นเสธแดงตัวจริงเลยยืนดูอยู่สักพัก เสธแดงใส่หมวกปีกกว้าง และยืนห่างจากกำแพงออกมาหลายเมตร ผมคิดของผมว่าเสธแดงค่อนข้างประมาทเพราะถนนฝั่งตรงข้ามมีทหารยืนประจำการเต็มไปหมด หลังจากนั้นผมก็เดินไปทางราชดำริเพื่อไปที่เวทีราชประสงค์
เมื่อเดินถึงบริเวณราชดำริ ผมได้ยินเสียงแตรรถบีบไล่กันมาจากศาลาแดง ผู้คนแตกตื่นอลหม่าน หลายคนเหลียวหน้าเหลียวหลังอย่างไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร มีคนขี่มอเตอร์ไซด์ผ่านหน้าผมไปด้วยความเร็วหลายคัน หนึ่งในนั้นตะโกนว่า "ทหารยิงประชาชนแล้วๆ" สักพักผมได้ยินเสียงไซเรนของรถพยาบาลวิ่งผ่านหน้าผมไป เมื่อมองเข้าไปพบชายคนหนึ่งนอนหงาย ร่างกายท่อนบนชุ่มไปด้วยเลือด มีบรุษพยาบาลประคอง 2 คน
เมื่อแน่ใจว่าเริ่มมีการยิงประชาชนขึ้น ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่เวที ผมผ่านเตนท์สุดท้ายก่อนที่จะถึงด้านหลังของเวที เห็นพระภิกษุรูปหนึ่งกำลังสนทนากับญาติโยมด้านใน ผมตรงเข้าไปกราบก่อนที่จะไม่มัโอกาสกราบผ้าเหลือง ท่านถามผมว่า "มีอะไรหรือโยม" ผมเรียนท่านว่า "ทหารยิงประชาชนแล้วครับๆ" แล้วก็รีบไปที่เวที
ที่เวทีดูเหมือนจะยังไม่ทราบว่ามีอะไรเกิดขึ้น ผมไปยืนสมทบกับผู้ชุมนุมที่ฝั่งซ้ายมือของเวที ผู้ชุมนุมหลายคนบริเวณนั้นคงจะเห็นมีคนหน้าตาตื่นมา หลายคนมาถามผมว่ามีอะไรเกิดขึ้น ผมบอกว่าที่ศาลาแดงมีการยิงกันแล้ว หลายคนทำหน้างงๆ แต่มีบางคนลุกมาถามผมว่า มีข่าวว่าเสธแดงโดนยิง มีการส่งข้อความผ่าน sms ทางโทรศัพท์ ผมตอบว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะผมเพิ่งเห็นเสธแดงยืนให้สัมภาษณ์นักข่าวอยู่ไม่เกิน 15 นาทีนี้
ในขณะนั้นคุณจตุพรกำลังปราศัยบนเวทีด้วยท่าทีที่ดุดัน ไม่นานนักคุณจตุพรก็หยุดปราศัย (เข้าใจว่ามีคนไปบอกข่าว) หลังจากนั้นคุณจตุพรได้กล่าวกับผู้ชุมนุมว่าได้รับการยืนยันว่าเสธแดงถุกยิงที่ศาลาแดง ขณะนี้ถูกนำส่งโรงพยาบาล ผมได้ยินเสียงคนเสื้อแดงหลายคนหวีดร้องด้วยความตกใจ บางคนตะลึง บางคนพึมพำบอกไม่เชื่อ ข่าวที่คุณจตุพรบอกบนเวทีเป็นข่าวที่สร้างความตกใจให้กับคนเสื้อแดงมาก บางคนเริ่มร้องไห้ออกมา
บนเวทีเริ่มแจ้งกับผู้ชุมนุมว่าทหารได้ปิดด่านทุกด้านแล้ว ป้องกันไม่ให้คนเข้าหรือออกจากบริเวณชุมนุม ศอฉ.ได้สั่งตัดน้ำ ตัดไฟ และสัญญาณโทรศัพท์มือถือ เหตุการณ์เริ่มตึงเครียดมากขึ้น คืนนั้นการโทรศัพท์หาญาติพี่น้องเป็นเรื่องค่อนข้างลำบาก แต่บางพื้นที่ยังมีคลื่นสัญญาณ เช่น บริเวณลานหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์
คืนนั้นเป็นคืนแรกที่ผมต้องนอนค้างที่หน้าเวทีเพราะทหารปิดทางเข้าออกหมดทุกด้าน เวลาประมาณเที่ยงคืนเศษผมเดินไปสังเกตุการณ์ที่บริเวณสถานีรถไฟฟ้าราชดำริ ตลอดทางมีแต่ความมืดมิด ไฟส่องสว่างที่อยู่ข้างทางถูกคนเสื้อแดงตีแตกจนหมด เมื่อสอบถามสาเหตุที่ต้องตีไฟส่องถนนข้างทางแตกก็ได้รับคำตอบว่าทหารเริ่มยิงประชาชนจากตึกสูง มีแท็กซี่คนหนึ่งและคนที่ถือกล้องถ่ายรูปคนหนึ่งถูกยิงโดยไม่ทราบสาเหตุ จุดที่ผมเดินไปได้ไกลที่สุดคือบริเวณหน้าสน.ลุมพินี ที่นั่นเริ่มมีข่าวลือที่เป็นการเพิ่มกำลังใจให้กับคนเสื้อแดง เช่น ข่าวลือที่บอกว่าทหารเรือจะมาช่วยคนเสื้อแดง ฯลฯ
เช้าตรู่วันถัดมาผมเดินมาที่ด่านศาลาแดง พบการ์ดของคนเสื้อแดงอยู่หลายคน บางคนร้องไห้ตาแดงก่ำ เมื่อสอบถามว่าคนยิงเสธแดงยิงมาจากด้านไหน ทุกคนล้วนชี้ตรงกันไปที่ฝั่งโรงแรมดุสิต ผมเงยหน้าไปตามมือที่ชี้ พบว่าบนตึกของดุสิตธานี (ตึกที่อยู่ติดถนนด้านหน้า ไม่ใช่อาคารโรงแรม) ด้านบนสุดมีกระจกที่หันเข้าหาถนน 4 บาน บานที่ 2 นับจากขวามือมีรอยรูเท่ากำปั้น พวกเขาบอกว่าทหารยิงมาจากตรงนั้น !
.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น