29 February 2012 at 19:54
9. ผลจากการถูกลอบยิงที่ลำตะคอง
ไม่เกิน 1 ชั่วโมงหลังจากเหตุการณ์ลอบยิงที่ลำตะคอง สังคมเสื้อแดงในโลกไซเบอร์ได้วิพากวิจารณ์และแสดงความคิดเห็นในประเด็นนี้อย่างกว้างขวาง มีผู้ถ่ายรุปคนร้ายและนำไปลงเฟซบุ้คในทันที ในบ่ายนั้นข้อมูลของคนร้ายก็ปรากฏออกมาว่อนอินเทอร์เนต ก่อนที่จะถูกลอบยิงกิจกรรมเส้นทางสีแดงเป็นที่รับรู้กันไม่มากนัก แต่หลังจากบ่ายวันนั้นสถานการณ์เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ข่าว DNN ในเย็นวันนั้นรายงานข่าวนี้และแพร่ภาพไปทั่วประเทศ
ในคืนวันนั้นพวกเราเดินทางถึงนครราชสีมา พวกเราตั้งโต๊ะแถลงข่าวในวัดกลางดึกผ่านคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ้คที่เชื่อมพวกเราเข้าสู่โลกไซเบอร์ พวกเรายืนยันถึงเจตนาที่จะดำเนินกิจกรรมนี้ต่อจนจบโดยไม่มีสมาชิกแม้แต่คนเดียวที่หันหลังกลับ ผมส่งสำเนาหนังสือที่ทำถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปให้กับเวปไทยอีนิวส์ซึ่งได้เผยแพร่ข้อความในหนังสืออย่างทันที การกระทำนั้นเป็นการเพิ่มความกดดันให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำชับตำรวจท้องที่ในทุกจังหวัดที่เหลือให้ดูแลความปลอดภัยกิจกรรมนี้จนจบ
พวกเราทำกิจกรรมนี้ต่อตามที่กำหนดไว้ในแผนการเดินทาง ที่นครราชสีมาพวกเราร่วมกับคุณสมบัติ บุญงามอนงค์และกลุ่มวันอาทิตย์สีแดงทำกิจกรรมทำความสะอาดโรงเรียนแห่งหนึ่งที่ถูกน้ำท่วม ผมเป็นตัวแทนกิจกรรมมอบเงินบริจาคให้กับผุ้อำนวยการโรงเรียน วันที่ 8 พย.2553 พวกเราไปเยี่ยมคุณยายของอ้วน บัวใหญ่ (นายศักนรินท์ กองแก้ว) การ์ดนปช.ที่ถูกยิงหน้าบ้านของตัวเองจากอิทธิพลมืด วันที่ 9 พย.พวกเราถึงชัยภูมิซึ่งมีการจัดเวทีที่อนุเสาวรีย์เจ้าพ่อพญาแล มีอ.สุรชัย แซ่ด่านมาร่วมปราศัย ในงานมีการเชิญผู้บาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมในเดือนพฤษภาคม 2553 ผมและนักปั่นจักรยานคนหนึ่งซึ่งเป็นอดีตนาวิกโยธินเดินถือตู้บริจาคเรี่ยไรเงินและมอบเงินที่ได้ทั้งหมดในคืนนั้นให้กับผู้ได้รับผลกระทบที่เราเชิญขึ้นเวที
วันที่ 10 พย.2553 พวกเราเดินทางถึงอ.ชุมแพ จ.ขอนแก่นซึ่งมีขบวนแรลลี่ของชาวบ้านมารับพวกเราถึงนอกเมือง ชาวบ้านตั้งเวทีปราศัยในวัดและทำอาหารเลี้ยงพวกเราในวัด สมาชิกของเราคนหนึ่งถามชาวบ้านว่าทำไมต้องปิดวัดด้วยเขาบอกว่าเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกนำสิ่งแปลกปลอมมาปนในอาหาร (สถานการณ์ในขณะนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาเช่นเดียวกับที่เคยเกิดที่ราชประสงค์ก่อนเวทีแตก) มีการบายศรีสู่ขวัญให้กับสมาชิกเส้นทางสีแดงทุกคน นี่เป็นครั้งแรกของหลายๆคนที่เข้าพิธีบายศรีสู่ขวัญ หลายคนน้ำตาซึมเพราะความตื้นตัน ผมเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น
วันที่ 11 พย.2553 พวกเราเดินทางถึงขอนแก่น ชาวบ้านพาพวกเราไปวางดอกไม้แดงหน้าบ้านของสส.ประจักษ์ แก้วกล้าหาญ (สส.พรรคเพื่อไทยที่ย้ายไปสังกัดภูมิใจไทยท่ามกลางข่าวลือการขายตัว) เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคนเสื้อแดงที่ถูกยิงเสียชีวิตหน้าบ้านสส.คนนี้ในบ่ายวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 หลังจากเวทีแตก มีตำรวจไปดูแลความเรียบร้อยไม่ต่ำกว่า 50 คน วันถัดไปได้ไปเยี่ยมผู้ต้องขังที่เรือนจำกลางขอนแก่น บ่ายวันนั้นเราปั่นจักรยานเข้าไปในวัดพระธาตุหนองแวง มีเด็กนักเรียนตัวเล็กๆหลายสิบคนวิ่งกรูเข้ามาห้อมล้อมพวกเราพร้อมกับตะโกนคำว่า "เสื้อแดงสู้ๆๆ" มีนักข่าวจาก People Channel ตามไปทำข่าวพอดี บรรยากาศที่น่าประทับใจนี้ได้เผยแพร่ทางสถานี People Channel ในเย็นวันนั้น
วันที่ 13 พย. 2553 พวกเราเดินทางถึงจ.กาฬสินธุ์ วันที่ 14 พย.ถึงมหาสารคามซึ่งมีเวทีศาลากลางจังหวัด มีคุณสมบัติ บุญงามอนงค์มาร่วมปราศัยด้วย ที่ยโสธรวันที่ 16 พย.มีเวทีและมีการเชิญผู้ได้รับผลกระทบมาหลายคน ที่จำได้มี 2 คน คนหนึ่งเป็นคุณลุงอายุประมาณ 60 ถูกยิงที่ขา อีกคนเป็นเด็กหนุ่มอายุไม่เกิน 20 ปีถูกยิงเข้าที่ท้องไส้ทะลัก (กระสุนไม่ถูกอวัยวะสำคัญ) วันนั้นได้เชิญทั้ง 2 คนขึ้นเวทีและสัมภาษณ์และมอบเงินบริจาค คนแรกยังต้องใช้ไม้เท้าในการเดินเหินส่วนคนหลังหายดีแล้วเหลือเพียงรอยแผลเป็นที่ท้องเป็นอนุสรณ์ของความกล้าหาญ
วันที่ 18 พย.พวกเราถึงอ.ราศรีไศล จ.ศรีษะเกษในเวลาเที่ยง มีชาวบ้านหลายสิบคนไปรอที่วัดบ้านหว้านคำ ที่นั่นเราได้พบกับคุณยายคนหนึ่งอายุ 60 ปีมานั่งรอผูกข้อมือพวกเราพร้อมกับด้ายสีขาว ชาวบ้านบอกว่าคุณยายคนนี้เป็นอัมพฤกษ์และไม่ยอมออกจากบ้านมาหลายปี แต่เมื่อคุณยายรู้ว่ามีคนเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งปั่นจักรยานมาถึงศรีษะเกษเพื่อมาให้กำลังใจคุณยายบอกกับลูกหลานให้พามาพบ หลังทานข้าวเที่ยงพวกเราได้มีไปที่กุฏิหลังหนึ่งที่อยู่ในวัด ชาวบ้านบอกว่าเป็นกุฏิที่พ่อและแม่ของวีรชนท่านหนึ่งสร้างไว้ให้เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับลูกชายที่เสียชีวิตที่เวิลด์เทรดในบ่ายวันที่ 19 พค.2553 ทราบภายหลังว่าชื่อนายกิตติพงศ์ สมสุข (น้องอ๊าท) อายุ 19 ปี เสียชีวิตที่เวิลด์เทรดในขณะที่มือข้างหนึ่งยังถือถังดับเพลิง
วันที่ 21 พย.พวกเราถึงมุกดาหารและไปเยี่ยมผู้ต้องขังเสื้อแดงนับสิบคน ที่มุกดาหารครอบครัวผู้ต้องขังทั้งหมดมีฐานะยากจน บางครอบครัวเดือดร้อนมากเพราะลูกชายที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงต้องมาติดคุก บางครอบครัวสามีติดคุกภรรยาต้องรับภาระหน้าที่ในการดูแล วันที่ 22 พย.พวกเราเดินทางถึงอ.ธาตุพนม จ.นครพนม มีนักปั่นจากนครพนมมาร่วมกิจกรรมด้วยเป็นจำนวนมาก เย็นนั้นมีเวทีที่สวนสาธารณะซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่สวยและสะอาดที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศที่ผมพบมา คืนนั้นเรานอนที่วัดพระธาตุพนมซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของนครพนม
ไม่เกิน 1 ชั่วโมงหลังจากเหตุการณ์ลอบยิงที่ลำตะคอง สังคมเสื้อแดงในโลกไซเบอร์ได้วิพากวิจารณ์และแสดงความคิดเห็นในประเด็นนี้อย่างกว้างขวาง มีผู้ถ่ายรุปคนร้ายและนำไปลงเฟซบุ้คในทันที ในบ่ายนั้นข้อมูลของคนร้ายก็ปรากฏออกมาว่อนอินเทอร์เนต ก่อนที่จะถูกลอบยิงกิจกรรมเส้นทางสีแดงเป็นที่รับรู้กันไม่มากนัก แต่หลังจากบ่ายวันนั้นสถานการณ์เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ข่าว DNN ในเย็นวันนั้นรายงานข่าวนี้และแพร่ภาพไปทั่วประเทศ
ในคืนวันนั้นพวกเราเดินทางถึงนครราชสีมา พวกเราตั้งโต๊ะแถลงข่าวในวัดกลางดึกผ่านคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ้คที่เชื่อมพวกเราเข้าสู่โลกไซเบอร์ พวกเรายืนยันถึงเจตนาที่จะดำเนินกิจกรรมนี้ต่อจนจบโดยไม่มีสมาชิกแม้แต่คนเดียวที่หันหลังกลับ ผมส่งสำเนาหนังสือที่ทำถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปให้กับเวปไทยอีนิวส์ซึ่งได้เผยแพร่ข้อความในหนังสืออย่างทันที การกระทำนั้นเป็นการเพิ่มความกดดันให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำชับตำรวจท้องที่ในทุกจังหวัดที่เหลือให้ดูแลความปลอดภัยกิจกรรมนี้จนจบ
พวกเราทำกิจกรรมนี้ต่อตามที่กำหนดไว้ในแผนการเดินทาง ที่นครราชสีมาพวกเราร่วมกับคุณสมบัติ บุญงามอนงค์และกลุ่มวันอาทิตย์สีแดงทำกิจกรรมทำความสะอาดโรงเรียนแห่งหนึ่งที่ถูกน้ำท่วม ผมเป็นตัวแทนกิจกรรมมอบเงินบริจาคให้กับผุ้อำนวยการโรงเรียน วันที่ 8 พย.2553 พวกเราไปเยี่ยมคุณยายของอ้วน บัวใหญ่ (นายศักนรินท์ กองแก้ว) การ์ดนปช.ที่ถูกยิงหน้าบ้านของตัวเองจากอิทธิพลมืด วันที่ 9 พย.พวกเราถึงชัยภูมิซึ่งมีการจัดเวทีที่อนุเสาวรีย์เจ้าพ่อพญาแล มีอ.สุรชัย แซ่ด่านมาร่วมปราศัย ในงานมีการเชิญผู้บาดเจ็บจากการสลายการชุมนุมในเดือนพฤษภาคม 2553 ผมและนักปั่นจักรยานคนหนึ่งซึ่งเป็นอดีตนาวิกโยธินเดินถือตู้บริจาคเรี่ยไรเงินและมอบเงินที่ได้ทั้งหมดในคืนนั้นให้กับผู้ได้รับผลกระทบที่เราเชิญขึ้นเวที
วันที่ 10 พย.2553 พวกเราเดินทางถึงอ.ชุมแพ จ.ขอนแก่นซึ่งมีขบวนแรลลี่ของชาวบ้านมารับพวกเราถึงนอกเมือง ชาวบ้านตั้งเวทีปราศัยในวัดและทำอาหารเลี้ยงพวกเราในวัด สมาชิกของเราคนหนึ่งถามชาวบ้านว่าทำไมต้องปิดวัดด้วยเขาบอกว่าเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกนำสิ่งแปลกปลอมมาปนในอาหาร (สถานการณ์ในขณะนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาเช่นเดียวกับที่เคยเกิดที่ราชประสงค์ก่อนเวทีแตก) มีการบายศรีสู่ขวัญให้กับสมาชิกเส้นทางสีแดงทุกคน นี่เป็นครั้งแรกของหลายๆคนที่เข้าพิธีบายศรีสู่ขวัญ หลายคนน้ำตาซึมเพราะความตื้นตัน ผมเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น
วันที่ 11 พย.2553 พวกเราเดินทางถึงขอนแก่น ชาวบ้านพาพวกเราไปวางดอกไม้แดงหน้าบ้านของสส.ประจักษ์ แก้วกล้าหาญ (สส.พรรคเพื่อไทยที่ย้ายไปสังกัดภูมิใจไทยท่ามกลางข่าวลือการขายตัว) เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับคนเสื้อแดงที่ถูกยิงเสียชีวิตหน้าบ้านสส.คนนี้ในบ่ายวันที่ 19 พฤษภาคม 2553 หลังจากเวทีแตก มีตำรวจไปดูแลความเรียบร้อยไม่ต่ำกว่า 50 คน วันถัดไปได้ไปเยี่ยมผู้ต้องขังที่เรือนจำกลางขอนแก่น บ่ายวันนั้นเราปั่นจักรยานเข้าไปในวัดพระธาตุหนองแวง มีเด็กนักเรียนตัวเล็กๆหลายสิบคนวิ่งกรูเข้ามาห้อมล้อมพวกเราพร้อมกับตะโกนคำว่า "เสื้อแดงสู้ๆๆ" มีนักข่าวจาก People Channel ตามไปทำข่าวพอดี บรรยากาศที่น่าประทับใจนี้ได้เผยแพร่ทางสถานี People Channel ในเย็นวันนั้น
วันที่ 13 พย. 2553 พวกเราเดินทางถึงจ.กาฬสินธุ์ วันที่ 14 พย.ถึงมหาสารคามซึ่งมีเวทีศาลากลางจังหวัด มีคุณสมบัติ บุญงามอนงค์มาร่วมปราศัยด้วย ที่ยโสธรวันที่ 16 พย.มีเวทีและมีการเชิญผู้ได้รับผลกระทบมาหลายคน ที่จำได้มี 2 คน คนหนึ่งเป็นคุณลุงอายุประมาณ 60 ถูกยิงที่ขา อีกคนเป็นเด็กหนุ่มอายุไม่เกิน 20 ปีถูกยิงเข้าที่ท้องไส้ทะลัก (กระสุนไม่ถูกอวัยวะสำคัญ) วันนั้นได้เชิญทั้ง 2 คนขึ้นเวทีและสัมภาษณ์และมอบเงินบริจาค คนแรกยังต้องใช้ไม้เท้าในการเดินเหินส่วนคนหลังหายดีแล้วเหลือเพียงรอยแผลเป็นที่ท้องเป็นอนุสรณ์ของความกล้าหาญ
วันที่ 18 พย.พวกเราถึงอ.ราศรีไศล จ.ศรีษะเกษในเวลาเที่ยง มีชาวบ้านหลายสิบคนไปรอที่วัดบ้านหว้านคำ ที่นั่นเราได้พบกับคุณยายคนหนึ่งอายุ 60 ปีมานั่งรอผูกข้อมือพวกเราพร้อมกับด้ายสีขาว ชาวบ้านบอกว่าคุณยายคนนี้เป็นอัมพฤกษ์และไม่ยอมออกจากบ้านมาหลายปี แต่เมื่อคุณยายรู้ว่ามีคนเสื้อแดงกลุ่มหนึ่งปั่นจักรยานมาถึงศรีษะเกษเพื่อมาให้กำลังใจคุณยายบอกกับลูกหลานให้พามาพบ หลังทานข้าวเที่ยงพวกเราได้มีไปที่กุฏิหลังหนึ่งที่อยู่ในวัด ชาวบ้านบอกว่าเป็นกุฏิที่พ่อและแม่ของวีรชนท่านหนึ่งสร้างไว้ให้เพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับลูกชายที่เสียชีวิตที่เวิลด์เทรดในบ่ายวันที่ 19 พค.2553 ทราบภายหลังว่าชื่อนายกิตติพงศ์ สมสุข (น้องอ๊าท) อายุ 19 ปี เสียชีวิตที่เวิลด์เทรดในขณะที่มือข้างหนึ่งยังถือถังดับเพลิง
วันที่ 21 พย.พวกเราถึงมุกดาหารและไปเยี่ยมผู้ต้องขังเสื้อแดงนับสิบคน ที่มุกดาหารครอบครัวผู้ต้องขังทั้งหมดมีฐานะยากจน บางครอบครัวเดือดร้อนมากเพราะลูกชายที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงต้องมาติดคุก บางครอบครัวสามีติดคุกภรรยาต้องรับภาระหน้าที่ในการดูแล วันที่ 22 พย.พวกเราเดินทางถึงอ.ธาตุพนม จ.นครพนม มีนักปั่นจากนครพนมมาร่วมกิจกรรมด้วยเป็นจำนวนมาก เย็นนั้นมีเวทีที่สวนสาธารณะซึ่งเป็นสวนสาธารณะที่สวยและสะอาดที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศที่ผมพบมา คืนนั้นเรานอนที่วัดพระธาตุพนมซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของนครพนม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น