24. เยียวยาวีรชนร้อยเอ็ด (อ.โพนทราย อ.พนมไพร อ.หนองพอก)
หลังจากที่ได้ให้สัมภาษณ์ออกอากาศสถานีวิทยุคนเสื้อแดงในมหาสารคามเสร็จสิ้น พวกเราได้เดินทางไปจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีจุดนัดพบที่บึงพลาญชัยซึ่งเป็นสวนสาธารณะกลางเมืองร้อยเอ็ด ที่นี่มีคุณสุริยะกานต์เป็นผู้ประสานงานในการเยี่ยมครอบครัววีรชน ผู้เสียชีวิตที่ร้อยเอ็ดมีทั้งหมด 3 ราย โดยอยู่คนละอำเภอ แต่ละอำเภอมีระยะทางที่ห่างกันมาก (ระยะทางทั้งหมด 240 กม.) วิธีในการไปเยี่ยมครอบครัวผู้เสียชีวิตให้ครบภายในวันเดียวจะต้องเดินทางโดยรถยนต์
พวกเราถึงสถานที่นัดหมายในเวลาประมาณเที่ยงวัน อากาศร้อนอบอ้าว ผมได้นำเงินบริจาคที่มีทั้งหมดออกมานับพบว่ามีประมาณ 2,500 บาทและพระเครื่องอีก 3 องค์ ขณะที่นั่งรอผู้มารับรอ.ปรีชาได้นั่งพักเหนื่อยจนหลับไปในท่านั่งนั้นพร้อมกับกองเงินบริจาค ผมได้ถ่ายคลิปวีดีโอเืพื่อเป็นหลักฐานการทำกิจกรรมในอนาคต
http://www.youtube.com/watch?v=qj_XxXPOoA4
พวกเราถึงบ้านของวีรชนท่านแรกที่อ.โพนทราย มีครอบครัวของวีรชนมารอกันอย่างพร้อมหน้า วีรชนที่เสียชีวิตชื่อคุณอัฐชัย ชุมจันทร์ อายุ 29 ปี เพิ่งเรียนจบรับปริญญา คุณแม่ซึ่งถือภาพของบุตรชายเล่าว่าในวัยเด็กคุณอัฐชัยเป็นคนนิสัยดี ร่าเริง ชอบเล่นกับเพื่อนๆ ชอบเล่นดนตรี เิพิ่งรับปริญญาได้ 2 เดือนก็เสียชีวิต (ในขณะที่พูดถึงบุตรชายคุณแม่มีสีหน้าที่ภูมิใจ และรู้สึกชื่นใจเมื่อผมบอกว่าลูกชายเสียชีวิตในหน้าที่ปกป้องประชาธิปไตย) รอ.ปรีชา เอกฉัตรได้มอบเงินเยียวยาให้กับครอบครัววีรชนต่อหน้าสมาชิกในครอบครัว ประธานนปช.อโพนทรายและผู้นำชุมชนและเพื่อนบ้านที่มาให้กำลังใจ คุณแม่ของคุณณัฐชัยได้ฝากคำพูดถึงคนเสื้อแดงว่า ... "ขอให้คนเสื้อแดงได้ต่อสู้ต่อไป สู้เพื่อประชาธิปไตยและสู้เพื่อชาติ"
http://www.youtube.com/watch?v=QXJjdKjPot8
หลังจากนั้นพวกเราได้เดินทางไปที่อ.พนมไพร ถึงเวลาประมาณ 17.30 น. ได้ทักทายกับสมาชิกในครอบครัววีรชนที่มาร้อต้อนรับซึ่งมีทั้งคุณพ่อ คุณแม่ คุนลุง คุณป้า คุณยาย พี่สาวและน้องสาว ฯลฯ คุณธัญกมล คำน้อยซึ่งเป็นพี่สาวได้เป็นผู้ให้ข้อมูลในการสัมภาษณ์เนื่องจากเป็นผู้ไกล้ชิดกับผู้เสียชีวิตมากที่สุด ผมเห็นว่าคลิปสัมภาษณ์มีข้อมูลที่เห็นถึงความไม่ปกติของการปฏิบัติหน้าที่ของโรงพยาบาลที่ทำการรักษา จึงขอถอดคลิปนำมาสรุปให้ฟังดังนี้ ....
" ผู้เสียชีวิตชื่อคุณเกรียงไกร คำน้อย อายุ 24 ปี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 เมย.บริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการในเวลาประมาณบ่ายสามครึ่ง ถูกยิงที่ท้องนำส่งโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เขตดุสิต หมอที่ทำการรักษานำภาพเอ็กเรย์มาให้ดูและพยายามอธิบายว่าบาดแผลเกิดจากของแข็งไม่ใช่ปืน หลังจากนั้นทางโรงพยาลได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนแจ้งว่าผู้เสียชีวิตในโรงพยาบาลนี้ไมได้เสียชีวิตด้วยอาวุธปืน พี่สาวของผู้ตายไ้ด้โต้เถียงว่าน้องชายเสียชีวิตเพราะถูกยิงแต่ถูกห้ามปรามและนำตัวออกจากสถานที่แถลงข่าว และที่ผิดปกติคือน้องชายไม่ได้เป็น 1 ใน 16 ศพที่เสียชีวิตที่กำลังดำเนินคดีกับรัฐบาล จึงได้ตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นเพราะสาเหตุที่ถูกยิงในเวลากลางวันหรือไม่ (เพราะจะเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าทหารได้ใช้กระสุนจริงยิงผู้ชุมนุมในเวลากลางวัน) "
http://www.youtube.com/watch?v=VG3lSFVND7I
หลังเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์ รอ.ปรีชาได้มอบเงินเยียวยาให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต หลังจากนั้นพวกเราได้เดินทางต่อไปที่อ.หนองพอก ถึงอ.หนองพอกในเวลาประมาณ 20.30 น. ได้ไปที่บ้านของคุณจันทึกซึ่งเป็นประธานนปช.อ.หนองพอก พบญาติซึ่งเป็นน้องชายและพี่ชายผู้เสียชีวิต ผู้เสียชีวิตชื่อคุณพรสวัสดิ์ นาคะชัย อายุ 23 ปี ถูกยิงที่บ่อนไก่เมื่อวันที่ 15 พค. กระสุนเข้าที่เอวขวาทะลุใต้รักแร้ซ้าย รอ.ปรีชาได้มอบเงินบริจาคต่อหน้าคนเสื้อแดงหนองพอก จากนั้นผู้สูงอายุได้ผูกข้อมือพร้อมกับให้ศีลให้พรตามธรรมเนียมคนอีสาน
พวกเราได้ทานข้าวเย็นในเวลาเกือบสามทุ่ม เป็นครั้งแรกนับแต่ออกทำกิจกรรมเส้นทางสีแดงที่ได้ตระเวณเยี่ยมผู้เสียชีวิตถึง 3 อำเภอในวันเดียวกัน การทำกิจกรรมในวันนั้นค่อนข้างเหน็ดเหนื่อยสำหรับพวกเรา คืนนั้นพวกเรานอนพักที่บ้านคุณจันทึก เช้าวันถัดมาก่อนจะออกเดินทาง ได้มีเพื่อนบ้านไกล้เคียงกับคุณจันทึกที่เป็นคนเสื้อเหลืองมาร่วมส่งพวกเราด้วย คุณจันทึกบอกว่าถึงแม้ว่าจะคนละสีเสื้อแต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้เพราะรักในพระเจ้าอยู่หัวองค์เดียวกัน ผมเห็นเป็นภาพที่น่าประทับใจจึงขอถ่ายภาพคนทั้งสองที่ยืนจับมือกันไว้เป็นที่ระลึก
ในการเยี่ยมเยียนครอบครัวผู้เสียชีวิต ผมได้สัมผัสถึงความเป็นนักสู้เพื่อประชาธิปไตยของชาวอีสาน พวกเขามาร่วมชุมนุมโดยสมัครใจ พวกเขาเสียสละได้แม้กระทั่งเลือดเนื้อและชีวิตเพียงเพื่อให้ได้สิทธิิในการเลือกผู้นำของเขาเอง เงินเยียวยาที่ได้รับจากเส้นทางสีแดงถึงแม้จะไม่มากแต่ชาวบ้านก็ดีใจที่พวกเราไม่เคยทิ้งกัน เงินเยียวที่รัฐบาลได้มอบให้ในปี 2555 เป็นเพียงการเยียวยาทางด้านวัตถุเท่านั้น แต่สิ่งที่จะเยียวยาบาดแผลของผู้สูญเสียอย่างแท้จริงคือการนำตัวผู้เกี่ยวข้องกับการสังหารประชาชนมาลงโทษ ... ผมคิดของผมเช่นนี้ !
หลังจากที่ได้ให้สัมภาษณ์ออกอากาศสถานีวิทยุคนเสื้อแดงในมหาสารคามเสร็จสิ้น พวกเราได้เดินทางไปจังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีจุดนัดพบที่บึงพลาญชัยซึ่งเป็นสวนสาธารณะกลางเมืองร้อยเอ็ด ที่นี่มีคุณสุริยะกานต์เป็นผู้ประสานงานในการเยี่ยมครอบครัววีรชน ผู้เสียชีวิตที่ร้อยเอ็ดมีทั้งหมด 3 ราย โดยอยู่คนละอำเภอ แต่ละอำเภอมีระยะทางที่ห่างกันมาก (ระยะทางทั้งหมด 240 กม.) วิธีในการไปเยี่ยมครอบครัวผู้เสียชีวิตให้ครบภายในวันเดียวจะต้องเดินทางโดยรถยนต์
พวกเราถึงสถานที่นัดหมายในเวลาประมาณเที่ยงวัน อากาศร้อนอบอ้าว ผมได้นำเงินบริจาคที่มีทั้งหมดออกมานับพบว่ามีประมาณ 2,500 บาทและพระเครื่องอีก 3 องค์ ขณะที่นั่งรอผู้มารับรอ.ปรีชาได้นั่งพักเหนื่อยจนหลับไปในท่านั่งนั้นพร้อมกับกองเงินบริจาค ผมได้ถ่ายคลิปวีดีโอเืพื่อเป็นหลักฐานการทำกิจกรรมในอนาคต
http://www.youtube.com/watch?v=qj_XxXPOoA4
พวกเราถึงบ้านของวีรชนท่านแรกที่อ.โพนทราย มีครอบครัวของวีรชนมารอกันอย่างพร้อมหน้า วีรชนที่เสียชีวิตชื่อคุณอัฐชัย ชุมจันทร์ อายุ 29 ปี เพิ่งเรียนจบรับปริญญา คุณแม่ซึ่งถือภาพของบุตรชายเล่าว่าในวัยเด็กคุณอัฐชัยเป็นคนนิสัยดี ร่าเริง ชอบเล่นกับเพื่อนๆ ชอบเล่นดนตรี เิพิ่งรับปริญญาได้ 2 เดือนก็เสียชีวิต (ในขณะที่พูดถึงบุตรชายคุณแม่มีสีหน้าที่ภูมิใจ และรู้สึกชื่นใจเมื่อผมบอกว่าลูกชายเสียชีวิตในหน้าที่ปกป้องประชาธิปไตย) รอ.ปรีชา เอกฉัตรได้มอบเงินเยียวยาให้กับครอบครัววีรชนต่อหน้าสมาชิกในครอบครัว ประธานนปช.อโพนทรายและผู้นำชุมชนและเพื่อนบ้านที่มาให้กำลังใจ คุณแม่ของคุณณัฐชัยได้ฝากคำพูดถึงคนเสื้อแดงว่า ... "ขอให้คนเสื้อแดงได้ต่อสู้ต่อไป สู้เพื่อประชาธิปไตยและสู้เพื่อชาติ"
http://www.youtube.com/watch?v=QXJjdKjPot8
หลังจากนั้นพวกเราได้เดินทางไปที่อ.พนมไพร ถึงเวลาประมาณ 17.30 น. ได้ทักทายกับสมาชิกในครอบครัววีรชนที่มาร้อต้อนรับซึ่งมีทั้งคุณพ่อ คุณแม่ คุนลุง คุณป้า คุณยาย พี่สาวและน้องสาว ฯลฯ คุณธัญกมล คำน้อยซึ่งเป็นพี่สาวได้เป็นผู้ให้ข้อมูลในการสัมภาษณ์เนื่องจากเป็นผู้ไกล้ชิดกับผู้เสียชีวิตมากที่สุด ผมเห็นว่าคลิปสัมภาษณ์มีข้อมูลที่เห็นถึงความไม่ปกติของการปฏิบัติหน้าที่ของโรงพยาบาลที่ทำการรักษา จึงขอถอดคลิปนำมาสรุปให้ฟังดังนี้ ....
" ผู้เสียชีวิตชื่อคุณเกรียงไกร คำน้อย อายุ 24 ปี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 10 เมย.บริเวณหน้ากระทรวงศึกษาธิการในเวลาประมาณบ่ายสามครึ่ง ถูกยิงที่ท้องนำส่งโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เขตดุสิต หมอที่ทำการรักษานำภาพเอ็กเรย์มาให้ดูและพยายามอธิบายว่าบาดแผลเกิดจากของแข็งไม่ใช่ปืน หลังจากนั้นทางโรงพยาลได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนแจ้งว่าผู้เสียชีวิตในโรงพยาบาลนี้ไมได้เสียชีวิตด้วยอาวุธปืน พี่สาวของผู้ตายไ้ด้โต้เถียงว่าน้องชายเสียชีวิตเพราะถูกยิงแต่ถูกห้ามปรามและนำตัวออกจากสถานที่แถลงข่าว และที่ผิดปกติคือน้องชายไม่ได้เป็น 1 ใน 16 ศพที่เสียชีวิตที่กำลังดำเนินคดีกับรัฐบาล จึงได้ตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นเพราะสาเหตุที่ถูกยิงในเวลากลางวันหรือไม่ (เพราะจะเป็นหลักฐานที่ชัดเจนว่าทหารได้ใช้กระสุนจริงยิงผู้ชุมนุมในเวลากลางวัน) "
http://www.youtube.com/watch?v=VG3lSFVND7I
หลังเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์ รอ.ปรีชาได้มอบเงินเยียวยาให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต หลังจากนั้นพวกเราได้เดินทางต่อไปที่อ.หนองพอก ถึงอ.หนองพอกในเวลาประมาณ 20.30 น. ได้ไปที่บ้านของคุณจันทึกซึ่งเป็นประธานนปช.อ.หนองพอก พบญาติซึ่งเป็นน้องชายและพี่ชายผู้เสียชีวิต ผู้เสียชีวิตชื่อคุณพรสวัสดิ์ นาคะชัย อายุ 23 ปี ถูกยิงที่บ่อนไก่เมื่อวันที่ 15 พค. กระสุนเข้าที่เอวขวาทะลุใต้รักแร้ซ้าย รอ.ปรีชาได้มอบเงินบริจาคต่อหน้าคนเสื้อแดงหนองพอก จากนั้นผู้สูงอายุได้ผูกข้อมือพร้อมกับให้ศีลให้พรตามธรรมเนียมคนอีสาน
พวกเราได้ทานข้าวเย็นในเวลาเกือบสามทุ่ม เป็นครั้งแรกนับแต่ออกทำกิจกรรมเส้นทางสีแดงที่ได้ตระเวณเยี่ยมผู้เสียชีวิตถึง 3 อำเภอในวันเดียวกัน การทำกิจกรรมในวันนั้นค่อนข้างเหน็ดเหนื่อยสำหรับพวกเรา คืนนั้นพวกเรานอนพักที่บ้านคุณจันทึก เช้าวันถัดมาก่อนจะออกเดินทาง ได้มีเพื่อนบ้านไกล้เคียงกับคุณจันทึกที่เป็นคนเสื้อเหลืองมาร่วมส่งพวกเราด้วย คุณจันทึกบอกว่าถึงแม้ว่าจะคนละสีเสื้อแต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้เพราะรักในพระเจ้าอยู่หัวองค์เดียวกัน ผมเห็นเป็นภาพที่น่าประทับใจจึงขอถ่ายภาพคนทั้งสองที่ยืนจับมือกันไว้เป็นที่ระลึก
ในการเยี่ยมเยียนครอบครัวผู้เสียชีวิต ผมได้สัมผัสถึงความเป็นนักสู้เพื่อประชาธิปไตยของชาวอีสาน พวกเขามาร่วมชุมนุมโดยสมัครใจ พวกเขาเสียสละได้แม้กระทั่งเลือดเนื้อและชีวิตเพียงเพื่อให้ได้สิทธิิในการเลือกผู้นำของเขาเอง เงินเยียวยาที่ได้รับจากเส้นทางสีแดงถึงแม้จะไม่มากแต่ชาวบ้านก็ดีใจที่พวกเราไม่เคยทิ้งกัน เงินเยียวที่รัฐบาลได้มอบให้ในปี 2555 เป็นเพียงการเยียวยาทางด้านวัตถุเท่านั้น แต่สิ่งที่จะเยียวยาบาดแผลของผู้สูญเสียอย่างแท้จริงคือการนำตัวผู้เกี่ยวข้องกับการสังหารประชาชนมาลงโทษ ... ผมคิดของผมเช่นนี้ !
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น