25. น้ำตารักแท้ที่อุดร
เช้าวันที่ 19 มค. พวกเราเดินทางออกจากอ.หนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีจุดหมายอยู่ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ระยะทางในการปั่นจักรยานคือ 105 กม. ที่บ้านร่องคำก่อนเข้าตัวเมือง มีคนเสื้อแดงนำโดยคุณประสิทธิื์ (ประธานนปช.กาฬสินธุ์) มาคอยต้อนรับ จากนั้นได้เดินทางเข้าตัวเมืองกาฬสินธ์ แวะสักการะอนุเสาวรีย์พญาไชยสุนทร เข้าที่พักในค่ายกองร้อยอาสาสมัครกาฬสินธุ์
เช้าวันที่ 20 มค.พวกเราออกเดินทางมุ่งหน้าอ.วังสามหมอ ระยะทาง 98 กม. ถึงวังสามหมอในเวลาเย็น เข้าพักที่บ้านคุณตี้ซึ่งเคยปั่นจักรยานร่วมกับเส้นทางสีแดงเมื่อคราวที่มาอีสานครั้งแรก คุณตี้เปิดบ้านพักรับรอง มีเวทีเล็กๆในบ้านและมีพี่น้องแดงวังสามหมอมาร่วมงานหลายสิบคน ผมพบว่าพี่น้องวังสามหมอเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงที่เข้มแข็งและแกนนำล้วนเป็นผู้ที่มีอุดมการณ์ บางท่านเป็นครูซึ่งเป็นที่นับหน้าถือตาในท้องถิ่น ที่วังสามหมอไม่มีผู้ได้รับผลกระทบ เวทีจึงเป็นเวทีสังสรรค์เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเส้นทางสีแดงและพี่น้องวังสามหมอ ผมได้รับการร้องขอให้ร้องเพลงนักสู้ธุลีดินให้พี่น้องที่อยู่ในงานฟัง
เช้าวันที่ 21 มค.พวกเราปั่นจักรยานจากอ.วังสามหมอมุ่งหน้าอุดรธานี ระยะทางในวันนี้ 100 กม. อากาศค่อนข้างหนาว มีคนเสื้อแดงนำเสื้อยืดแขนยาวสีแดงมามอบให้ และมีพี่น้องนักปั่นจักรยานของแดงวังสามหมอนับสิบคันปั่นร่วมทางไปส่งถึงอุดรธานี พวกเราผ่านอ.ศรีธาตุ อ.กุมภวาปี มีคนเสื้อแดงมารอต้อนรับและมอบเงินบริจาค ถึงอุดรธานีเวลาเย็น มีร.ต.ต.กมลศิลป์ ประธานสหพันธ์หมู่บ้านเสื้อแดงที่เคยต้อนรับกิจกรรมเส้นทางสีแดงครั้งแรมาคอยรับนอกเมือง พวกเราได้แวะพักทานอาหารกลางทางเนื่องจากฝนตก และได้ร่ำลาพี่น้องนักปั่นจากวังสามหมอที่นี่
ร.ต.ต.กมลศิลป์ได้นำรถส่วนตัวพาพวกเราเดินทางไปที่สถานีวิทยุคนรักไทยซึ่งเป็นสถานีวิทยุคนเสื้อแดงโดยการสนับสนุนของพ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆิน สส.พรรคเพื่อไทยจังหวัดอุดรธานี ที่นี่พวกเราได้มีโอกาสรับรู้การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในอีกแง่มุมหนึ่ง ทำให้ผมแน่ใจได้ว่าที่ใดที่มีคนเสื้อแดงมากก็จะมีกลุ่มต่างๆเกิดขึ้นและมักจะมีความขัดแย้งกันโดยเฉพาะเรื่องของการแย่งชิงศรัทธาความเชื่อถือจากมวลชน การเดินทางไปทั่วประเทศทำให้ผมมองเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ
เช้าวันที่ 22 มค.ก่อนออกเดินทาง ผมได้รับเชิญไปออกอากาศทางสถานีวิทยุคนรักไทยเพื่อทักทายชาวอุดรโดยเฉพาะคนที่เคยร่วมกิจกรรมเส้นทางสีแดงที่อุดรครั้งแรก ผมได้ให้สัมภาษณ์และเล่าเรื่องกิจกรรมที่ผ่านมา รวมถึงได้ชี้แจงข่าวลือเกี่ยวกับผมและเส้นทางสีแดง มีพี่น้องเสื้อแดงที่อุดรโทรมาให้กำลังใจหลายสาย ก่อนจะจากกันได้พวกเราได้ถ่ายรูปกับคุณครูนางซึ่งเป็นเจ้าของสถานีและดีเจหงษ์ทอง ดาวอุดรและทีมงานเป็นที่ระลึก
สายวันนั้นพวกเราได้เดินทางไปเยี่ยมคุณเกียรติศักดิ์ที่บ้านในตัวเมืองอุดร การเยี่ยมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ( ครั้งแรกเมื่อปลายเดือนพย.2553 และครั้งที่สองเมื่อเดือนพค.2554) ถึงที่บ้านประมาณ 10 โมงเช้า มีลูกสาว น้องสาวและพี่สาวของคุณเกียรติศักดิ์ออกมาต้อนรับ สมาชิกในบ้างต่างดีใจที่เห็นเส้นทางสีแดงกลับมาเยี่ยมเขาอีกครั้ง พวกเขาบอกว่าคุณเกียรติศักดิ์และภรรยาเดินทางไปทำสวนยางที่จังหวัดกาฬสินธุ์ แต่ภรรยาได้ฝากรูปถ่ายของคุณเกียรติศักดิ์ไว้ให้พวกเราเป็นที่ระลึก (เป็นภาพถ่ายของคุณเกียรติศักดิ์ที่ถ่ายไว้ร่วมกับสมาชิกในครอบครัวเมื่อครั้งเดินทางไปชุมุนมกับนปช.เมื่อเดือนมีค.-พค. 2553 ก่อนที่จะถูกแก๊สน้ำตา)
หลังจากทักทายกันเสร็จแล้วผมได้สัมภาษณ์น้องสาวของคุณเกียรติศักดิ์ เธอเล่าให้ผมฟังต่อจากข้อมูลในครั้งก่อนว่าคุณเกียรติศักดิ์ได้เดินทางเข้าร่วมชุมนุมกับนปช.ตั้งแต่วันที่ 12 มีค.2553 ซึ่งเป็นวันแรก ได้ร่วมโกนหัวประท้วงเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา ในวันที่ 10 เมย.คุณเกียริศักดิ์ถูกแก๊สน้ำตาที่โยนลงมาจากเฮลิคอปเตอร์บริเวณสะพานผ่านฟ้า แต่ใจแข็งไม่ยอมกลับมารักษาตัวเพราะเป็นห่วงภรรยา
ในวันที่ 19 พค.พวกเขาอยู่ที่ราชประสงค์ ได้ยินเสียงปืนที่ทหารยิงมาสนั่นหวั่นไหว คุณเกียรติศักดิ์ได้ตะโกนบอกว่า "ไม่ต้องถอยๆ ทหารไม่ทำอะไรประชาชน" คุณเกียรติศักดิ์ตะโกนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนคนในครอบครัวต้องดึงเข้าไปอยู่ในวัดปทุม
ในวัดปทุมพวกเขาเล่าว่าขณะที่ทหารกราดยิงเข้ามาในวัด พวกเขาได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจากภายในวัด 3-4 นัด ทำให้เกิดมีกำลังใจ รู้สึกดีใจเหมือนมีคนมาช่วย (แต่ผมคิดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ใ้ห้มีการยิงออกมาจากภายในวัดปทุมประปรายเสมือนหนึ่งว่ามีกลุ่มติดอาวุธอยู่ในวัด โดยมีเป้าหมายลวงให้ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่ามีกลุ่มติดอาวุธอยู่ในวัดจริง-ผู้เขียน)
หลังกลับจากกรุงเทพ อาการของคุณเกียรติศักดิ์ที่โดนแก๊สน้ำตาเมื่อวันที่ 10 เมย.53 รุนแรงขึ้น (ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคุณเกียรติศักดิ์ไม่ยอมเลิกชุมนุมหลังจากถูกแก๊สน้ำตาใหม่ๆ แต่ต้องการที่จะอยู่ร่วมชุมนุมกับพี่้น้องเสื้อแดงร่วมกับภรรยาเนื่องจากเป็นห่วงภรรยาจะเกิดอันตราย) ดวงตาที่มีอยู่ข้างเดียวค่อยๆมืดดับลงจนกระทั่งบอดสนิท
น้องสาวคุณเกียรติศักดิ์ได้เล่าให้พวกเราฟังว่าคุณเกียรติศักดิ์เริ่มที่จะปรับตัวได้ ระยะหลังเขาได้ขอให้ภรรยาพาไปทำสวนยางที่จังหวัดกาฬสินธุ์ที่อยู่ไกลออกไปนับร้อยกิโล เหตุผลก็คือเพื่อที่คนทั้งสองจะได้อยู่กันอย่างเงียบๆตามลำพัง และประโยคที่กินใจผมมากที่สุดเกิดขึ้นที่นี่ น้องสาวคุณเกียรติศักดิ์ได้เล่าทั้งน้ำตาว่า ภรรยาคุณเกียรติศักดิ์ซึ่งดูแลสามีมาตลอดได้บอกกับทุกคนในครอบครัวว่า " .. ชีวิตที่เหลืออยู่จะขอดูแลสามีจนวาระสุดท้าย "
(หมายเหุต : โชคดีที่ผมบันทึกคลิปวีดีโอการสัมภาษณ์ช่วงนี้ได้ทัน และผมตั้งใจในขณะนั้นว่าจะต้องกลับมาเขียนเรื่องนี้และตั้งชื่อบันทึกว่า .. น้ำตารักแท้ที่อุดร .. ผมได้นำกิจกรรมเส้นทางสีแดงตระเวณไปทั่วประเทศนับหมื่นกิโล เรื่องราวของคุณเกียรติศักดิ์เป็นเรื่องราวการเสียสละที่สะเทือนใจและความรักของคนทั้งสองเป็นเรื่องงดงามที่สุดที่ผมได้พบมา)
http://www.youtube.com/watch?v=EK2jcWIG2WU
เช้าวันที่ 19 มค. พวกเราเดินทางออกจากอ.หนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด โดยมีจุดหมายอยู่ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ระยะทางในการปั่นจักรยานคือ 105 กม. ที่บ้านร่องคำก่อนเข้าตัวเมือง มีคนเสื้อแดงนำโดยคุณประสิทธิื์ (ประธานนปช.กาฬสินธุ์) มาคอยต้อนรับ จากนั้นได้เดินทางเข้าตัวเมืองกาฬสินธ์ แวะสักการะอนุเสาวรีย์พญาไชยสุนทร เข้าที่พักในค่ายกองร้อยอาสาสมัครกาฬสินธุ์
เช้าวันที่ 20 มค.พวกเราออกเดินทางมุ่งหน้าอ.วังสามหมอ ระยะทาง 98 กม. ถึงวังสามหมอในเวลาเย็น เข้าพักที่บ้านคุณตี้ซึ่งเคยปั่นจักรยานร่วมกับเส้นทางสีแดงเมื่อคราวที่มาอีสานครั้งแรก คุณตี้เปิดบ้านพักรับรอง มีเวทีเล็กๆในบ้านและมีพี่น้องแดงวังสามหมอมาร่วมงานหลายสิบคน ผมพบว่าพี่น้องวังสามหมอเป็นกลุ่มคนเสื้อแดงที่เข้มแข็งและแกนนำล้วนเป็นผู้ที่มีอุดมการณ์ บางท่านเป็นครูซึ่งเป็นที่นับหน้าถือตาในท้องถิ่น ที่วังสามหมอไม่มีผู้ได้รับผลกระทบ เวทีจึงเป็นเวทีสังสรรค์เชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเส้นทางสีแดงและพี่น้องวังสามหมอ ผมได้รับการร้องขอให้ร้องเพลงนักสู้ธุลีดินให้พี่น้องที่อยู่ในงานฟัง
เช้าวันที่ 21 มค.พวกเราปั่นจักรยานจากอ.วังสามหมอมุ่งหน้าอุดรธานี ระยะทางในวันนี้ 100 กม. อากาศค่อนข้างหนาว มีคนเสื้อแดงนำเสื้อยืดแขนยาวสีแดงมามอบให้ และมีพี่น้องนักปั่นจักรยานของแดงวังสามหมอนับสิบคันปั่นร่วมทางไปส่งถึงอุดรธานี พวกเราผ่านอ.ศรีธาตุ อ.กุมภวาปี มีคนเสื้อแดงมารอต้อนรับและมอบเงินบริจาค ถึงอุดรธานีเวลาเย็น มีร.ต.ต.กมลศิลป์ ประธานสหพันธ์หมู่บ้านเสื้อแดงที่เคยต้อนรับกิจกรรมเส้นทางสีแดงครั้งแรมาคอยรับนอกเมือง พวกเราได้แวะพักทานอาหารกลางทางเนื่องจากฝนตก และได้ร่ำลาพี่น้องนักปั่นจากวังสามหมอที่นี่
ร.ต.ต.กมลศิลป์ได้นำรถส่วนตัวพาพวกเราเดินทางไปที่สถานีวิทยุคนรักไทยซึ่งเป็นสถานีวิทยุคนเสื้อแดงโดยการสนับสนุนของพ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆิน สส.พรรคเพื่อไทยจังหวัดอุดรธานี ที่นี่พวกเราได้มีโอกาสรับรู้การเคลื่อนไหวของคนเสื้อแดงในอีกแง่มุมหนึ่ง ทำให้ผมแน่ใจได้ว่าที่ใดที่มีคนเสื้อแดงมากก็จะมีกลุ่มต่างๆเกิดขึ้นและมักจะมีความขัดแย้งกันโดยเฉพาะเรื่องของการแย่งชิงศรัทธาความเชื่อถือจากมวลชน การเดินทางไปทั่วประเทศทำให้ผมมองเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติ
เช้าวันที่ 22 มค.ก่อนออกเดินทาง ผมได้รับเชิญไปออกอากาศทางสถานีวิทยุคนรักไทยเพื่อทักทายชาวอุดรโดยเฉพาะคนที่เคยร่วมกิจกรรมเส้นทางสีแดงที่อุดรครั้งแรก ผมได้ให้สัมภาษณ์และเล่าเรื่องกิจกรรมที่ผ่านมา รวมถึงได้ชี้แจงข่าวลือเกี่ยวกับผมและเส้นทางสีแดง มีพี่น้องเสื้อแดงที่อุดรโทรมาให้กำลังใจหลายสาย ก่อนจะจากกันได้พวกเราได้ถ่ายรูปกับคุณครูนางซึ่งเป็นเจ้าของสถานีและดีเจหงษ์ทอง ดาวอุดรและทีมงานเป็นที่ระลึก
สายวันนั้นพวกเราได้เดินทางไปเยี่ยมคุณเกียรติศักดิ์ที่บ้านในตัวเมืองอุดร การเยี่ยมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ( ครั้งแรกเมื่อปลายเดือนพย.2553 และครั้งที่สองเมื่อเดือนพค.2554) ถึงที่บ้านประมาณ 10 โมงเช้า มีลูกสาว น้องสาวและพี่สาวของคุณเกียรติศักดิ์ออกมาต้อนรับ สมาชิกในบ้างต่างดีใจที่เห็นเส้นทางสีแดงกลับมาเยี่ยมเขาอีกครั้ง พวกเขาบอกว่าคุณเกียรติศักดิ์และภรรยาเดินทางไปทำสวนยางที่จังหวัดกาฬสินธุ์ แต่ภรรยาได้ฝากรูปถ่ายของคุณเกียรติศักดิ์ไว้ให้พวกเราเป็นที่ระลึก (เป็นภาพถ่ายของคุณเกียรติศักดิ์ที่ถ่ายไว้ร่วมกับสมาชิกในครอบครัวเมื่อครั้งเดินทางไปชุมุนมกับนปช.เมื่อเดือนมีค.-พค. 2553 ก่อนที่จะถูกแก๊สน้ำตา)
หลังจากทักทายกันเสร็จแล้วผมได้สัมภาษณ์น้องสาวของคุณเกียรติศักดิ์ เธอเล่าให้ผมฟังต่อจากข้อมูลในครั้งก่อนว่าคุณเกียรติศักดิ์ได้เดินทางเข้าร่วมชุมนุมกับนปช.ตั้งแต่วันที่ 12 มีค.2553 ซึ่งเป็นวันแรก ได้ร่วมโกนหัวประท้วงเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา ในวันที่ 10 เมย.คุณเกียริศักดิ์ถูกแก๊สน้ำตาที่โยนลงมาจากเฮลิคอปเตอร์บริเวณสะพานผ่านฟ้า แต่ใจแข็งไม่ยอมกลับมารักษาตัวเพราะเป็นห่วงภรรยา
ในวันที่ 19 พค.พวกเขาอยู่ที่ราชประสงค์ ได้ยินเสียงปืนที่ทหารยิงมาสนั่นหวั่นไหว คุณเกียรติศักดิ์ได้ตะโกนบอกว่า "ไม่ต้องถอยๆ ทหารไม่ทำอะไรประชาชน" คุณเกียรติศักดิ์ตะโกนซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนคนในครอบครัวต้องดึงเข้าไปอยู่ในวัดปทุม
ในวัดปทุมพวกเขาเล่าว่าขณะที่ทหารกราดยิงเข้ามาในวัด พวกเขาได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจากภายในวัด 3-4 นัด ทำให้เกิดมีกำลังใจ รู้สึกดีใจเหมือนมีคนมาช่วย (แต่ผมคิดว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ใ้ห้มีการยิงออกมาจากภายในวัดปทุมประปรายเสมือนหนึ่งว่ามีกลุ่มติดอาวุธอยู่ในวัด โดยมีเป้าหมายลวงให้ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่ามีกลุ่มติดอาวุธอยู่ในวัดจริง-ผู้เขียน)
หลังกลับจากกรุงเทพ อาการของคุณเกียรติศักดิ์ที่โดนแก๊สน้ำตาเมื่อวันที่ 10 เมย.53 รุนแรงขึ้น (ส่วนหนึ่งเป็นเพราะคุณเกียรติศักดิ์ไม่ยอมเลิกชุมนุมหลังจากถูกแก๊สน้ำตาใหม่ๆ แต่ต้องการที่จะอยู่ร่วมชุมนุมกับพี่้น้องเสื้อแดงร่วมกับภรรยาเนื่องจากเป็นห่วงภรรยาจะเกิดอันตราย) ดวงตาที่มีอยู่ข้างเดียวค่อยๆมืดดับลงจนกระทั่งบอดสนิท
น้องสาวคุณเกียรติศักดิ์ได้เล่าให้พวกเราฟังว่าคุณเกียรติศักดิ์เริ่มที่จะปรับตัวได้ ระยะหลังเขาได้ขอให้ภรรยาพาไปทำสวนยางที่จังหวัดกาฬสินธุ์ที่อยู่ไกลออกไปนับร้อยกิโล เหตุผลก็คือเพื่อที่คนทั้งสองจะได้อยู่กันอย่างเงียบๆตามลำพัง และประโยคที่กินใจผมมากที่สุดเกิดขึ้นที่นี่ น้องสาวคุณเกียรติศักดิ์ได้เล่าทั้งน้ำตาว่า ภรรยาคุณเกียรติศักดิ์ซึ่งดูแลสามีมาตลอดได้บอกกับทุกคนในครอบครัวว่า " .. ชีวิตที่เหลืออยู่จะขอดูแลสามีจนวาระสุดท้าย "
(หมายเหุต : โชคดีที่ผมบันทึกคลิปวีดีโอการสัมภาษณ์ช่วงนี้ได้ทัน และผมตั้งใจในขณะนั้นว่าจะต้องกลับมาเขียนเรื่องนี้และตั้งชื่อบันทึกว่า .. น้ำตารักแท้ที่อุดร .. ผมได้นำกิจกรรมเส้นทางสีแดงตระเวณไปทั่วประเทศนับหมื่นกิโล เรื่องราวของคุณเกียรติศักดิ์เป็นเรื่องราวการเสียสละที่สะเทือนใจและความรักของคนทั้งสองเป็นเรื่องงดงามที่สุดที่ผมได้พบมา)
http://www.youtube.com/watch?v=EK2jcWIG2WU