วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เส้นทางสีแดงเพื่อสันติภาพ (ตอน 27)


10 August 2012 at 00:49
27. บึงกาฬ สกลนคร นครพนม

เช้าวันที่ 25 มค.พวกเราได้ปั่นจักรยานไปจ.บึงกาฬซึ่งเป็นจังหวัดเกิดใหม่จังหวัดที่ 77 ที่แยกตัวออกมาจากจ.หนองคาย ได้เข้าพักที่วัดแห่งหนึ่งติดแม่น้ำโขง คืนนั้นต้องอาบน้ำท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บ กลางคืนกางเตนท์นอนหน้ากุฏิเจ้าอาวาสบนพื้นที่แข็งกระด้างและเย็นจับใจทำให้อาการไข้กำเริบขึ้นอีกครั้ง
 หน้าที่ทำการนปช.สกลนคร
เช้าวันถัดมาพวกเราปั่นจักรยานไปอ.ศรีวิไล แกนนำชาวบ้านได้พาพวกเราไปเยี่ยมครอบครัวของคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำหลังการเลือกตั้งปี 2554 พวกเราได้เข้าไปที่บ้านเล็กๆหลังหนึ่งและเข้าไปนั่งสนทนากันในห้องนอนของผู้ตาย มีรูปของพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตรขนาดสูง 2.5 เมตรแต่งกายด้วยเครื่องราชอิสริยาภรณ์ติดอยู่ข้างประตูห้อง ชาวบ้านเล่าว่าผู้ตายชื่อนางพวงจันทร์ ถานโอฬาร อายุ 44 ปี มีอาชีพเป็นอาสาสมัครอพปร. (อาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน) มีบุตร 3 คน คนโตเป็นชายทำงานในกรุงเทพ คนกลางและคนเล็กเป็นหญิงต้องอาศัยอยู่กับย่าซึ่งเป็นคนเสื้อเหลือง ความสัมพันธ์ระหว่างย่าและหลานทั้งสองไม่ดีนักเนื่องจากความขัดแย้งของอุดมการณ์ต่างสีเสื้อ

ชาวบ้านเล่าว่าก่อนเสียชีวิตผู้ตายเป็นคนเสื้อแดงและรักนายกทักษิณมาก ได้ช่วยกันรณรงค์หาเสียงให้กับผู้สมัครสส.พรรคเพื่อไทยโดยไม่ได้รับการว่าจ้างหรือไหว้วาน ผู้ตายเสียชีวิตจากการถูกของแข็งกระแทกเข้าที่ท้ายทอยในวันที่ 20 กย.2554 ก่อนเสียชีวิตผู้ตายกำลังสนทนาโทรศัพท์กับแกนนำคนเสื้อแดงและได้ยินเสียงผู้ตายมีปากเสียงกับคนร้าย ต่อมาเสียงก็ขาดหายไป สันนิฐานว่าถูกคนร้ายใช้ของแข็งตีเข้าที่ท้ายทอยและหลบหนี เมื่อชาวบ้านมาพบได้นำตัวส่งโรงพยาลแต่ไม่สามารถช่วยชีวิตได้ทัน

พวกเราได้มอบเงินบริจาคให้กับบุตรสาวของผู้เสียชีวิตเป็นเงิน 1,000 บาทและถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึก (หากท่านใดประสงค์จะยื่นมือเข้าช่วยเหลือเด็กทั้งสองคนกรุณาติดต่อโดยตรงที่ นส.นงคราญ ถานโอฬาร หรือน้องอ้น ที่อยู่ 93 ม.12 บ้านศรีวิไลพัฒนา อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ 83210 เบอร์โทร 087-1984282) คืนนั้นได้พักที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งที่เจ้าของเป็นคนเสื้อแดง และเคยรู้จักกันเมื่อครั้งผมเคลื่อนไหวอยู่ในแคมฟร้อก

เช้าวันที่ 26 มค. พวกเราได้ปั่นจักรยานมุ่งหน้าสกลนคร อ.พังโคน ระยะทาง 128 กม. ที่สกลนครเส้นทางสีแดงจะแวะทำกิจกรรมที่อ.พังโคน และอ.เมือง ผู้ประสานงานคือคุณพราหมณ์ศักดิ์รพี จนถึงเย็นวันนั้นพวกเราได้ปั่นจักรยานออกจากราชประสงค์ด้วยระยะทางกว่า 1,447 กม.หรือเกินกว่าครึ่งของระยะทางทั้งหมด อาการไข้ของผมเริ่มดีขึ้นเนื่องจากการปั่นจักรยานเป็นการขับเหงื่อให้ออกไปจากร่างกาย

วันที่ 27 มค. พวกเราปั่นจักรยานมาที่ตัวเมืองสกลนคร ระยะทาง 54 กม. แวะให้สัมภาษณ์สถานีวิทยุคนเสื้อแดง FM 106 จากนั้นนักปั่นเส้นทางสีแดงได้ร่วมแรลลี่รอบเมืองกับพี่น้องเสื้อแดงสกลนคร ตอจากนั้นได้ไปสักการะพระธาตุเชิงชุมและเข้าที่พักซึ่งเป็นบ้านของดต. วิทยา (ประธานนปช สกลนคร) ที่นี่ได้ทำเป็นศูนย์ประสานงานนปช.แดงสกลนคร กลางคืนมีงานสังสรรค์มีคนเสื้อแดงมาร่วมจำนวนมาก จากการสนทนากับแกนนำสกลนครพบว่าีที่นี่มีการรวมตัวกันอย่างเข้มแข็ง แกนนำบางท่านเป็นถึงรองผู้การค่ายทหารที่เพิ่งจะเกษียนและออกมาเป็นคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวอย่างเต็มตัว สกลนครในอดีตเป็นพื้นที่สีแดง ชาวบ้านมีการตื่นตัวด้านการเมืองและมีเลือดนักสู้เพื่อประชาธิปไตยมายาวนาน เมื่อปลายเดือนพย.53 ผมเคยมาที่นี่และไปดูสถานที่ที่คุณจิตร ภูมิศักดิ์ถูกยิงเสียชีวิตที่บ้านหนองกุง อ.วาริชภูมิ

http://www.youtube.com/watch?v=z7LBbyaDg5o
http://www.youtube.com/watch?v=SZ2AQDIgHvs

เช้าวันที่ 28 มค.มีนักปั่นจากสกลนครเดินทางมาจากอ.อากาศอำนวยเข้ามาสมทบอีก 3 ท่าน ทั้งหมดเป็นข้าราชการตำรวจที่เกษียณอายุทำให้ขบวนปั่นจักรยานมีความคึกคักและมีชีวิตชีวามากขึ้น ประธานนปช.สกลนครได้นำพวกเราปั่นจักรยานมาถึงอ.โคกศรีสุพรรณในเวลา 10 โมงเช้า รับมอบเงินบริจาคจากพี่น้องเสื้อแดงที่มารอต้อนรับจำนวน 1,000 บาท จากนั้นได้แวะทักทายคนเสื้อแดงที่ตลาดโคกศรีสุพรรณ ชาวบ้านเปิดเพลงรักคนเสื้อแดงและร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนาน พวกเราได้แวะถ่ายภาพและคลิปวีดีโอไว้เป็นที่ระลึก เวลา 11 โมงได้ออกเดินทางต่อไปที่อ.นาแก มีชาวบ้านที่ทราบข่าวมาแวะรอให้น้ำกลางทางและร่วมบริจาคเงินสมทบพร้อมกับเป็นเจ้าภาพอาหารมือเที่ยง

http://www.youtube.com/watch?v=dg7KOJmx5AQ
http://www.youtube.com/watch?v=ohUNbmyLKug
http://www.youtube.com/watch?v=nEJ4OtZGMfk

หลังมื้อเที่ยงพวกเราร่ำลากับพี่น้องสกลนครที่นี่ จากนั้นได้ออกปั่นจักรยานมุ่งหน้าอ.ธาตุพนม จ.นครพนม โดยมีจุดนัดหมายที่วัดพระธาตพนมซึ่งกำลังมีงานประจำปี ที่นี่พวกเราพบผู้ได้รับผลกระทบจากการชุมนุม 1 ราย ชื่อคุณศุภฤกษ์ ทากิระ ถูกยิงที่ท้ายทอย กระสุนทะลุข้างแก้ม คุณศุกฤกษ์ได้ลงรับสมัครการเมืองท้องถิ่นและได้นำหลักฐานการถูกยิงและการรักษาพยาบาลมาให้เป็นหลักฐาน พวกเราได้มอบเงินบริจาคจำนวน 1,000 บาท และได้ถ่ายคลิปไว้เป็นหลักฐาน

http://www.youtube.com/watch?v=K147HRXhPao

เวลา 5 โมงเย็นได้พบกับพี่น้องเสื้อแดงนครพนม คุณวีระชัย (รองประธานนปช.นครพนม) และคณะได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารเย็นที่ร้านอาหารติดกับแม่น้ำโขง หลังรับประทานอาหารพวกเราได้ถ่ายภาพร่วมกันริมแม่น้ำโขงเป็นที่ระลึก คุณวีระชัยได้ขอให้เส้นทางสีแดงมาเยี่ยมพี่น้องเสื้อแดงที่อ.เมืองนครพนมในครั้งหน้า และได้บอกกับพวกเราว่าที่นครพนมมีสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 3 ที่เพิ่งจะเปิดไม่นาน สามารถเดินทางข้ามไปฝั่งลาวได้ ผมได้รับปากว่าจะพาเส้นทางสีแดงมาเยี่ยมพี่น้องเสื้อแดงในตัวเมืองนครพนมในหน้าหนาวที่จะถึงนี้



หน้าที่ทำการนปช.สกลนคร


มอบเงินให้บุตรสาวผู้เสียชีวิตที่อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ
มอบเงินให้บุตรสาวผู้เสียชีวิตที่อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ


รับมอบเงินบริจาคที่อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร
รับมอบเงินบริจาคที่อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร


วัดพระธาตุเชิงชุมหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมแรลลี่รอบเมือง
วัดพระธาตุเชิงชุมหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมแรลลี่รอบเมือง


ถ่ายกับสมาชิกใหม่นักปั่นอดีตข้าราชการตำเรวจ
ถ่ายกับสมาชิกใหม่นักปั่นอดีตข้าราชการตำเรวจ


หลังรับประทารอาหารเช้า เจ้าภาพโดยดต.วิทยาและพี่น้องแดงสกลนคร
หลังรับประทารอาหารเช้า เจ้าภาพโดยดต.วิทยาและพี่น้องแดงสกลนคร


ถ่ายกับแดงอ.โคกศรีสุพรรณ
ถ่ายกับแดงอ.โคกศรีสุพรรณ


โฉมหน้านักรีดไถตัวจริงของเส้นทางสีแดง เที่ยวเรี่ยไรเงินไปมอบให้ชาวบ้านมาแล้วทั่วประเทศ
โฉมหน้านักรีดไถตัวจริงของเส้นทางสีแดง เที่ยวเรี่ยไรเงินไปมอบให้ชาวบ้านมาแล้วทั่วประเทศ


พี่น้องอ.นาแก ที่มารอให้น้ำและเป็นเจ้าภาพอาหารมื้อเที่ยง ถ่ายกับครูอ๋องที่เดินทางมาส่งจากสกลนคร
พี่น้องอ.นาแก ที่มารอให้น้ำและเป็นเจ้าภาพอาหารมื้อเที่ยง ถ่ายกับครูอ๋องที่เดินทางมาส่งจากสกลนคร


ถ่ายกับคุณวีระชัย รองประธานนปช.นครพนมและพี่น้องนครพนม
ถ่ายกับคุณวีระชัย รองประธานนปช.นครพนมและพี่น้องนครพนม

วันอาทิตย์ที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เส้นทางสีแดงเพื่อสันติภาพ (ตอน 26)

5 August 2012 at 23:59

26 เยือนหนองคาย เวียงจันทน์ เยี่ยมเด็กกำพร้า

หลังจากเสร็จสิ้นการสัมภาษณ์ครอบครัวคุณเกียรติศักดิ์ พวกเราได้มอบเงินบริจาคที่ได้รับจากอุดรให้กับบุตรสาวของคุณเกียรติศักดิ์จำนวน 1,500 บาท ถ่ายรุปเป็นที่ระลึกร่วมกัน ขากลับได้แวะทานข้าวเที่ยงที่ร้านก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัวปากซอย รสชาติอร่อยมาก จากนั้นได้ปั่นจักรยานไปหนองคาย ระยะทาง 51 กม.ถึงหนองคายในเวลาเย็น พักที่วัดหายโศกซึ่งเป็นวัดติดแม่น้ำโขง วัดนี้แห่งนี้ผมเคยมาพักเมื่อกลางปี 2554 เมื่อครั้งทำกิจกรรมปั่นจักรยานต้านรัฐประหารทั่วประเทศ มองเห็นสะพานมิตรภาพไทย-ลาวอยู่ไม่ไกล บรรยากาศที่วัดหายโศกค่อนข้างผ่อนคลาย ไกล้ๆวัดมีถนนเลียบแม่น้ำ มีร้านอาหารหลายร้าน นักท่องเที่ยวต่างชาติค่อนข้างหนาตา ได้แวะสร้านอินเทอร์เนทส่งข่าวให้สื่อมวลชน คืนนั้นได้มีโอกาสดูถ่ายทอดฟุตบอลพรีเมียร์ กลับเข้าวัดประมาณ 5 ทุ่ม

เช้าวันที่ 23 มค. มีคนเสื้อแดงแวะมารับและพาไปทานข้าวเช้าในตัวเมืองหนองคาย และได้ไปส่งที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองพร้อมกับมอบเงินบริจาคจำนวนหนึ่ง เมื่อผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแล้วพวกเราได้ปั่่นจักรยานข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาวเข้าสู่เวียงจันทน์ ระยะทาง 20 กว่ากิโล

ส.ป.ป.ลาว (สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว) ยังเป็นประเทศที่ค่อนข้างปิด การทำกิจกรรมทางการเมืองทุกชนิดเป็นเรื่องต้องห้าม วิถีชีวิตของผู้คนในกรุงเวียงจันทน์ไม่ต่างจากที่เราเห็นในภาพยนต์ไทยเมื่อหลายสิบปีก่อน สิ่งที่พวกเราทำได้ก็คือการใส่เสื้อแดงถ่ายรูปที่ประตูชัยซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกรุงเวียงจันทน์ ท่ามกลางสายตาที่เฝ้าระวังของตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บริเวณนั้น หลังจากนั้นได้ปั่นจักรยานข้ามกลับมาที่ฝั่งไทย รวมระยะทางที่ออกเดินทางจากราชประสงค์จนถึงเวียงจันทน์คือ 1,154 กม. ใช้เวลา 16 วัน

เช้าวันที่ 24 มค. เป้าหมายของวันนี้คืออ.ปากคาด จ.หนองคาย เพื่อเยี่ยมครอบครัวเด็กกำพร้าเป็นครั้งที่ 3 การปั่นจักรยานในวันนั้นค่อนข้างหนักพอสมควรเนื่องจากระยะทางจากตัวเมืองถึงอ.ปากคาดคือ 117 กม. สมาชิกลดลงเหลือ 3 คนเนื่องจากปลัดอำเภออรรถพรที่ได้ร่วมเดินทางมาด้วยได้ขอตัวกลับกรุงเทพ พวกเราถึงอ.ปากคาดเวลา 5 โมงเย็น สถานที่นัดหมายคือลานพญานาคซึ่งเป็นจุดสูงสุดของอีสานติดแม่น้ำโขง มีคุณอรุณ แกนนำและนักการเมืองท้องถิ่นของอ.ปากคาดพร้อมกับพี่น้องเสื้อแดงร่วมร้อยคนมารอต้อนรับ พวกเราได้ถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึกริมแม่น้ำโขง ภาพออกมาสวยงามมาก

พวกเราได้เข้าที่พักซึ่งเป็นบ้านของแกนนำปากคาด หลังจากอาบน้ำที่เย็นเฉียบผมมีอาการหนาวสั่นและเป็นไข้เนื่องจากอากาศที่หนาวเย็นทั้งตากแดดและฝนทำใ้ห้ต้องไปหาหมอและฉีดยาแก้ไข้ 1 เข็ม หลังจากนั้นได้ไปร่วมงานสังสรรค์กับพี่น้องเสื้อแดงที่ลานพญานาคจำนวนหลายสิบคน มีทั้งชาวบ้าน ข้าราชการ นักการเมืองท้องถิ่น

ผมได้พบกับครอบครัวของเด็กกำพร้าที่เคยมาเยี่ยมเมื่อปีก่อน ครั้งนี้พวกเราทักทายกันอย่างคุ้นเคยมากขึ้น คุณแม่ของเด็กคือคุณแดง จันทร์หาได้พาเด็กทั้งสามมารอตั้งแต่บ่ายพร้อมกับครอบครัวและญาติผู้ใหญ่ ผมได้ปลีกตัวไปนั่งสนทนากับคุณแดงและสอบถามถึงความคืบหน้าในพัฒนาการของเด็กทั้งสาม พบว่าไม่มีอะไรต่างจากปีก่อนนัก ลูกชายคนเล็กที่ปีนี้อายุ 5 ขวบเริ่มโตที่จะเข้าใจว่าพ่อของเขาได้จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ คืนนั้นผมได้ขึ้นเวทีมอบเงินบริจาคให้จำนวน 1,500 บาทพร้อมกับถอดพระเครื่องที่ได้รับก่อนหน้านี้ให้กับเ็ด็กกำพร้าคนสุดท้อง มีแกนนำชาวบ้าน ข้าราชการ และอดีตปลัดอำเภออาวุโสที่เดินทางมาด้วยกันเป็นสักขีพยาน

หมายเหตุ : ในวันที่พวกเราไปเยี่ยมครอบครัวนี้ รัฐบาลของประชาชนได้มีโครงการมอบเงินเยียวยาให้แก่ครอบครัวผู้เสียชีวิตจากการสลายการชุมนุมจำนวน 7.75 ล้านบาท ครอบครัวนี้จะเป็นอีกหนึ่งครอบครัวที่ได้รับเงินจำนวนดังกล่าวเพื่อเป็นหลักประกันอนาคตการศึกษาของเด็กๆทั้งสามคน

(กรุณาอ่านเรื่องของเด็กกำพร้าที่พ่อถูกยิงเสียชีวิตตามบันทึกและคลิปสัมภาษณ์ที่แนบ)


ถ่ายกับชาวบ้านอ.ปากคาดที่ลานพญานาค
ถ่ายกับชาวบ้านอ.ปากคาดที่ลานพญานาค


ถ่ายกับครอบครัวคุณเกียรติศักดิื์
ถ่ายกับครอบครัวคุณเกียรติศักดิื์


ถ่ายที่หน้าวัดหายโศก ติดแม่น้ำโขงด้านหลังคือสะพานมิตรภาพไทย-ลาว
ถ่ายที่หน้าวัดหายโศก ติดแม่น้ำโขงด้านหลังคือสะพานมิตรภาพไทย-ลาว


ถ่ายกับคนเสื้อแดงที่มาส่งก่อนข้ามด่านตรวจคนเข้าเมือง
ถ่ายกับคนเสื้อแดงที่มาส่งก่อนข้ามด่านตรวจคนเข้าเมือง


ถ่ายกับรอ.ปรีชา เอกฉัตรพร้อมพาสปอร์ท
ถ่ายกับรอ.ปรีชา เอกฉัตรพร้อมพาสปอร์ท


ถ่ายที่ประตูชัย นครเวียงจันทน์
ถ่ายที่ประตูชัย นครเวียงจันทน์


ซ้าย รอ.ปรีชา คุณโต้ง ฟอร์ด
ซ้าย รอ.ปรีชา คุณโต้ง ฟอร์ด


ถ่ายกับครอบครัวเด็กกำพร้า
ถ่ายกับครอบครัวเด็กกำพร้า


มอบเงินบริจาคพร้อมพระเครื่องให้เด็กกำพร้าเป็นที่ระลึก
มอบเงินบริจาคพร้อมพระเครื่องให้เด็กกำพร้าเป็นที่ระลึก