1 May 2012 at 02:48
17. ปิดกิจกรรมที่สันกันแพง
ในวันที่ 6 กพ.พวกเราปั่นจักรยานจากลำพูนถึงอ.ฮอด จ.เชียงใหม่ท่ามกลางอากาศที่หนาวยะเยือก ในคืนวันนั้นพวกเราพักค้างคืนสถานที่สำหรับก่อสร้างสถานีวิทยุคนเสื้อแดง ชาวบ้านนำเหล้าป่ามาให้ 1 ขวดใหญ่สำหรับบรรเทาความหนาว เป็นครั้งแรกที่พวกเรากางเตนท์นอนพร้อมกับการก่อกองไฟ บรรยากาศน่าประทับใจ คลิปวีดีโอที่ถ่ายไว้จะถ่ายทอดบรรยากาศได้เป็นอย่างดี
วันที่ 7 กพ.พวกเราปั่นจักรยานจากอ.ฮอดเข้าสู่อ.เมือง จ.เชียงใหม่ระยะทาง 101 กม. เข้าพักที่วัดศรีบุญเรืองซึ่งเจ้าอาวาสเป็นพระเสื้อแดง ได้มีโอกาสเข้ามากราบถึงกุฏิในเวลา 4 ทุ่ม ขณะที่เข้าไปในกุฏิท่านเจ้าอาวาสกำลังชมรายการ Asia Update และใส่เสื้อยืดสีแดงของนปช.
เช้าวันที่ 8 กพ.ได้ไปเยี่ยมผู้ต้องขังเสื้อแดงที่เรือนจำกลางเชียงใหม่พร้อมกับมอบเงินบริจาคที่พวกเราได้รับตามรายทางทั้งหมด บรรยากาศขณะเข้าไปเยี่ยมน่าประทับใจมาก ผู้ต้องขังทั้งหมดชูมือด้วยความดีใจที่เห็นคนเสื้อแดงมาเยี่ยมเยียน พวกเขาถูกพิพากษา 20 ปีในขอหาพยายามฆ่าจากเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างคนสองสีเสื้อในปี 2552
บ่ายวันนั้นพวกเราเดินทางไปต่อไปอ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ระยะทาง 144 กม. อากาศหนาวตลอดวันจนรู้สึกเหมือนกับปั่นจักรยานอยู่ในตู้เย็น เช้าวันที่ 9 กพ.พวกเราปั่นจักรยานมุ่งหน้าอ.แม่จัน และอ.แม่สาย ระยะทาง 131 กม. ที่นี่พวกเราอยู่บนจุดที่เหนือสุดของประเทศไทย
วันที่ 10 กพ.พวกเราปั่นจักรยานมาที่อ.เมืองเชียงราย มีคนเสื้อแดงเชียงรายรอต้อนรับ ได้ร่วมแรลลี่กับคนเสื้อแดงรอบตัวเมืองเชียงราย ขณะที่ผ่านโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งมีเด็กนักเรียนตัวเล็กๆตะโกนลงมาจากห้องเรียนด้วยคำว่า "เสื้อแดงสู้ๆ" เป็นภาพที่น่ารักมากที่ผมสามารถถ่ายคลิปวีดีโอเก็บไว้ได้ทัน เมื่อถึงอนุเสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมีสื่อมวลชนรอสัมภาษณ์ มีรต.ธนะสิทธิ์ พิพุฒเป็นตัวแทนกลุ่มให้สัมภาษณ์ จากนั้นได้ไปออกอากาศที่สถานีวิทยุคนเสื้อแดงที่เชียงราย
คืนนั้นมีการเสวนาประสาคนเสื้อแดงที่วัดแห่งหนึ่งที่พวกเราไปพักค้างคืน มีชาวบ้านมาร่วมซักถามถึงสาเหตุที่พวกเราต้องขึ้นเวทีคนไทยหัวใจรักชาติ มีการตั้งกล้องวีดีโอเพื่อบันทึกภาพและเสียงการชี้แจง ผมได้ทำหน้าที่ในการชี้แจงทุกประเด็น คนเสื้อแดงที่มาในวันนั้นล้วนแล้วแตเป็นผู้ใหญ่ มีทั้งรองผู้กำกับ อาจารย์มหาวิทยาลัย นักธุรกิจชั้นนำของจังหวัด ( ผมคิดอยุ่ในใจว่าหากพวกเราไม่บริสุทธิ์ใจการชี้แจงคงจะไม่สามารถผ่านพ้นไปได้เพราะได้มีการซักถามทุกแง่มุม ) หลังจากนั้นพวกเราได้ร่วมกับแกนนำเชียงรายมอบเงินบริจาคให้กับครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบในจังหวัดเชียงราย 6 ครอบครัว ซึ่งสมาชิกในครอบครัวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในการเดินทางกลับจากการชุมนุม
เช้าวันถัดมาได้ปั่นจักรยานไปดอยสะเก็ด เย็นพักแรมที่แม่โจ้ อากาศหนาวเหน็บ คืนนั้นเป็นคืนสุดท้ายของกิจกรรม บรรยากาศผ่อนคลายมาก พวกเราสนทนากันอย่างสนุกสนานถึงระยะเวลา 4 สัปดาห์ และระยะทางสองพันกว่ากิโลของการทำกิจกรรม
เช้าวันที่ 12 กพ.พวกเราปั่นจักรยานเข้าสู่อ.สันกำแพง กำหนดของพวกเราคือเที่ยงตรงจะต้องถึงสันกำแพงและนำป้ายโครงการไปมอบให้กับครอบครัวอดีตนายกทักษิณที่ร้านชินวัตรผ้าไหมที่เป็นบ้านเกิด พวกเราเดินทางไปถึงในเวลาเที่ยงตรงตามที่ได้ประกาศไว้ ได้เข้าไปทักทายญาติสนิทของท่านนายกพร้อมกับฝากป้ายที่มีลายเซนต์ของคนเสื้อแดงตลอดระยะทาง 2,438 กม.ให้ จากนั้นได้ถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก
ความรู้สึกของผมในวันนั้นโล่งเหมือนกับยกภูเขาออกจากอก ผมไม่ให้ความสนใจเปรียบเทียบว่ากิจกรรมที่อีสานและภาคเหนือจะมีความแตกต่างกันเช่นไร ที่อีสานเมื่อเราถึงอุดรและหนองคายพวกเราได้รับการต้อนรับเยี่ยงวีรบรุษ ไม่ถึง 3 เดือนให้หลังพวกเราบากบั่นมาจนถึงภาคเหนือแต่บรรยากาศต่างกันลิบลับ ต้นตอของข่าวลือข่าวปล่อยทั้งหมดผมรู้อยู่แก่ใจว่ามาจากใครและทำเพื่อวัตถุประสงค์อะไร และไม่ใช่เรื่องที่ผมจะไปอธิบายกับสังคมเสื้อแดงก่อนที่จะถึงเวลาอันสมควร
ผมอยากจะขอบคุณสมาชิกทั้งหมดของกลุ่มเส้นทางสีแดงที่ได้ร่วมทำกิจกรรมนี้ด้วยความอตุสาหะและเสียสละ ทั้ง รต.ธนะสิทธิ์ รอ.พิสิทธิ์ พิพุฒ คุณ Gerrit คุณมัยภรณ์ ฮันเบอสมา รอ.ปรีชา เอกฉัตร สอ.ฉลาด ลุงแดน คุณประดิฐ น้องยุ่ง คุณเผชิญ ป้าแป๋ว ฯลฯ นักปั่นในทีมนี้อาจจะไม่ได้รับการยอมรับหรือเป็นที่รู้จักเท่ากับกิจกรรมแรกในภาคอีสาน แต่สำหรับผมแล้ว ทุกคนเป็นนักต่อสู้ที่มีความทรหดอดทน และได้พิสูจน์ใจตนเองว่าได้บากบั่นมาจนถึงเป้าหมายเพียงเพราะคำว่าอุดมการณ์เท่านั้น !
ในวันที่ 6 กพ.พวกเราปั่นจักรยานจากลำพูนถึงอ.ฮอด จ.เชียงใหม่ท่ามกลางอากาศที่หนาวยะเยือก ในคืนวันนั้นพวกเราพักค้างคืนสถานที่สำหรับก่อสร้างสถานีวิทยุคนเสื้อแดง ชาวบ้านนำเหล้าป่ามาให้ 1 ขวดใหญ่สำหรับบรรเทาความหนาว เป็นครั้งแรกที่พวกเรากางเตนท์นอนพร้อมกับการก่อกองไฟ บรรยากาศน่าประทับใจ คลิปวีดีโอที่ถ่ายไว้จะถ่ายทอดบรรยากาศได้เป็นอย่างดี
วันที่ 7 กพ.พวกเราปั่นจักรยานจากอ.ฮอดเข้าสู่อ.เมือง จ.เชียงใหม่ระยะทาง 101 กม. เข้าพักที่วัดศรีบุญเรืองซึ่งเจ้าอาวาสเป็นพระเสื้อแดง ได้มีโอกาสเข้ามากราบถึงกุฏิในเวลา 4 ทุ่ม ขณะที่เข้าไปในกุฏิท่านเจ้าอาวาสกำลังชมรายการ Asia Update และใส่เสื้อยืดสีแดงของนปช.
เช้าวันที่ 8 กพ.ได้ไปเยี่ยมผู้ต้องขังเสื้อแดงที่เรือนจำกลางเชียงใหม่พร้อมกับมอบเงินบริจาคที่พวกเราได้รับตามรายทางทั้งหมด บรรยากาศขณะเข้าไปเยี่ยมน่าประทับใจมาก ผู้ต้องขังทั้งหมดชูมือด้วยความดีใจที่เห็นคนเสื้อแดงมาเยี่ยมเยียน พวกเขาถูกพิพากษา 20 ปีในขอหาพยายามฆ่าจากเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างคนสองสีเสื้อในปี 2552
บ่ายวันนั้นพวกเราเดินทางไปต่อไปอ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ระยะทาง 144 กม. อากาศหนาวตลอดวันจนรู้สึกเหมือนกับปั่นจักรยานอยู่ในตู้เย็น เช้าวันที่ 9 กพ.พวกเราปั่นจักรยานมุ่งหน้าอ.แม่จัน และอ.แม่สาย ระยะทาง 131 กม. ที่นี่พวกเราอยู่บนจุดที่เหนือสุดของประเทศไทย
วันที่ 10 กพ.พวกเราปั่นจักรยานมาที่อ.เมืองเชียงราย มีคนเสื้อแดงเชียงรายรอต้อนรับ ได้ร่วมแรลลี่กับคนเสื้อแดงรอบตัวเมืองเชียงราย ขณะที่ผ่านโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งมีเด็กนักเรียนตัวเล็กๆตะโกนลงมาจากห้องเรียนด้วยคำว่า "เสื้อแดงสู้ๆ" เป็นภาพที่น่ารักมากที่ผมสามารถถ่ายคลิปวีดีโอเก็บไว้ได้ทัน เมื่อถึงอนุเสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมีสื่อมวลชนรอสัมภาษณ์ มีรต.ธนะสิทธิ์ พิพุฒเป็นตัวแทนกลุ่มให้สัมภาษณ์ จากนั้นได้ไปออกอากาศที่สถานีวิทยุคนเสื้อแดงที่เชียงราย
คืนนั้นมีการเสวนาประสาคนเสื้อแดงที่วัดแห่งหนึ่งที่พวกเราไปพักค้างคืน มีชาวบ้านมาร่วมซักถามถึงสาเหตุที่พวกเราต้องขึ้นเวทีคนไทยหัวใจรักชาติ มีการตั้งกล้องวีดีโอเพื่อบันทึกภาพและเสียงการชี้แจง ผมได้ทำหน้าที่ในการชี้แจงทุกประเด็น คนเสื้อแดงที่มาในวันนั้นล้วนแล้วแตเป็นผู้ใหญ่ มีทั้งรองผู้กำกับ อาจารย์มหาวิทยาลัย นักธุรกิจชั้นนำของจังหวัด ( ผมคิดอยุ่ในใจว่าหากพวกเราไม่บริสุทธิ์ใจการชี้แจงคงจะไม่สามารถผ่านพ้นไปได้เพราะได้มีการซักถามทุกแง่มุม ) หลังจากนั้นพวกเราได้ร่วมกับแกนนำเชียงรายมอบเงินบริจาคให้กับครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบในจังหวัดเชียงราย 6 ครอบครัว ซึ่งสมาชิกในครอบครัวเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในการเดินทางกลับจากการชุมนุม
เช้าวันถัดมาได้ปั่นจักรยานไปดอยสะเก็ด เย็นพักแรมที่แม่โจ้ อากาศหนาวเหน็บ คืนนั้นเป็นคืนสุดท้ายของกิจกรรม บรรยากาศผ่อนคลายมาก พวกเราสนทนากันอย่างสนุกสนานถึงระยะเวลา 4 สัปดาห์ และระยะทางสองพันกว่ากิโลของการทำกิจกรรม
เช้าวันที่ 12 กพ.พวกเราปั่นจักรยานเข้าสู่อ.สันกำแพง กำหนดของพวกเราคือเที่ยงตรงจะต้องถึงสันกำแพงและนำป้ายโครงการไปมอบให้กับครอบครัวอดีตนายกทักษิณที่ร้านชินวัตรผ้าไหมที่เป็นบ้านเกิด พวกเราเดินทางไปถึงในเวลาเที่ยงตรงตามที่ได้ประกาศไว้ ได้เข้าไปทักทายญาติสนิทของท่านนายกพร้อมกับฝากป้ายที่มีลายเซนต์ของคนเสื้อแดงตลอดระยะทาง 2,438 กม.ให้ จากนั้นได้ถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก
ความรู้สึกของผมในวันนั้นโล่งเหมือนกับยกภูเขาออกจากอก ผมไม่ให้ความสนใจเปรียบเทียบว่ากิจกรรมที่อีสานและภาคเหนือจะมีความแตกต่างกันเช่นไร ที่อีสานเมื่อเราถึงอุดรและหนองคายพวกเราได้รับการต้อนรับเยี่ยงวีรบรุษ ไม่ถึง 3 เดือนให้หลังพวกเราบากบั่นมาจนถึงภาคเหนือแต่บรรยากาศต่างกันลิบลับ ต้นตอของข่าวลือข่าวปล่อยทั้งหมดผมรู้อยู่แก่ใจว่ามาจากใครและทำเพื่อวัตถุประสงค์อะไร และไม่ใช่เรื่องที่ผมจะไปอธิบายกับสังคมเสื้อแดงก่อนที่จะถึงเวลาอันสมควร
ผมอยากจะขอบคุณสมาชิกทั้งหมดของกลุ่มเส้นทางสีแดงที่ได้ร่วมทำกิจกรรมนี้ด้วยความอตุสาหะและเสียสละ ทั้ง รต.ธนะสิทธิ์ รอ.พิสิทธิ์ พิพุฒ คุณ Gerrit คุณมัยภรณ์ ฮันเบอสมา รอ.ปรีชา เอกฉัตร สอ.ฉลาด ลุงแดน คุณประดิฐ น้องยุ่ง คุณเผชิญ ป้าแป๋ว ฯลฯ นักปั่นในทีมนี้อาจจะไม่ได้รับการยอมรับหรือเป็นที่รู้จักเท่ากับกิจกรรมแรกในภาคอีสาน แต่สำหรับผมแล้ว ทุกคนเป็นนักต่อสู้ที่มีความทรหดอดทน และได้พิสูจน์ใจตนเองว่าได้บากบั่นมาจนถึงเป้าหมายเพียงเพราะคำว่าอุดมการณ์เท่านั้น !
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น