19 September 2013 at 00:04
ตอนที่ 10 : ขึ้นเวทีนปช.ที่ขอนแก่น
หลังจากเสร็จสิ้นการเยี่ยมยายของอ้วน บัวใหญ่เป็นครั้งที่ 3 แล้ว พวกเราได้ออกเดินทางมุ่งหน้า อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่นเพื่อไปเยี่ยมครอบครัววีรชนบ้านไผ่ การเยี่ยมครอบครัววีนชนบ้านไผ่นี้เป็นครั้งที่ 2 จากครั้งแรกที่ได้มาเยี่ยมเมื่อต้นปี 2555 และถ่ายคลิปวีดีโอการเยียวยาไปเผยแพร่ การเยี่ยมเยียนเป็นไปอย่างเรียบง่าย พวกเราแวะนำเงินเยียวยาไปมอบให้จำนวน 1,200 บาท สอบถามการได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล ซึ่งครอบครัววีรชนบ้านไผ่ได้รับเรียบร้อยแล้ว ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น
หลังจากนั้นพวกเราได้ปั่นจักรยานต่อไปที่ตัวเมืองขอนแก่นซึ่งมีเวทีของนปช. จัดโดยกลุ่มสื่อมวลชนสถานีวิทยุเสื้อแดงขอนแก่นที่สาลากลางจังหวัด ที่นี่ คุณสมพงษ์และคุณพุทธิพงษ์ซึ่งเคยให้การต้อนรับกิจกรรมเส้นทางสีแดงเพื่อสันติภาพเมื่อต้นปี 2555 ได้ขอให้เราแวะมาขึ้นเวทีให้
การขึ้นเวทีนปช.เป็นเรื่องแปลกสำหรับผม เพราะปกติการทำกิจกรรมเส้นทางสีแดงจะมุ่งเฉพาะการเยี่ยมชาวบ้านและเยีวยาผู้ได้รับผลกระทบเท่านั้น งานวันนั้นมีคนเสื้อแดงจากอีสาน 22 จังหวัดมาร่วมงานหลายพันคน ถ่ายทอดสดทางสถานี Asia Update ไปทั่วประเทศ
พวกเราถึงเวทีช่วงหัวค่ำ ได้มีโอกาสพบกับแกนนำจังหวัดอีสานหลายกลุ่มที่เคยรู้จักกันหลังเวที พวกเราทุกคนขึ้นเวทีพร้อมกันในเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ผมได้เป็นตัวแทนกลุ่มเส้นทางสีแดงกล่าวแนะนำกิจกรรมและรายงานกำหนดกิจกรรมในการทำกิจกรรมนี้ที่ภาคอีสาน ในขณะที่กล่าวรายงานกิจกรรม คนเสื้อแดงได้เริ่มส่งเสียงเชียร์และให้กำลังใจ หลายคนวิ่งมาที่หน้าเวทีเพื่อนำเงินบริจาคมามอบให้ หูผมอื้อด้วยความดีใจระคนแปลกใจที่เห็นคนเสื้อแดงที่นี่ให้กำลังใจกิจกรรมเส้นทางสีแดงมากขนาดนี้ ผมเข้าใจว่า อาจเป็นเพราะคนเสื้อแดงส่วนใหญ่เคยได้ยินชื่อกิจกรรมเส้นทางสีแดง แต่ไม่เคยปรากฏว่าจะขึ้นเวทีนปช.
พวกเราใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาทีที่ได้รับอย่างคุ้มค่า หลังจากที่ลงจากเวที แกนนำชาวบ้านที่มาร่วมงานได้พาพวกเราเดินรับเงินบริจาคจากชาวบ้านที่อยู่ด้านหน้า พวกเราต้องแบ่งกันเป็น 2 สายและเดินรับเงินพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณและตอบข้อซักถามของชาวบ้านที่สนใจและให้กำลังใจพวกเราในการทำกิจกรรมนี้ หลังจากนั้นได้พวกเราได้นำเงินบริจาคมาช่วยกันนับหลังเวที ผมได้ถ่ายคลิปการนับเงินบริจาคไว้เป็นหลักฐาน ผมได้ขอให้พิธีกรในงานแจ้งยอดเงินบริจาคบนเวที ได้เงินบริจาค 9 พันกว่าบาท
ค่ำวันนั้นพวกเราต้องไปนอนที่ทุ่งนาของชาวบ้านที่อยู่ในเขตอำเภอชนบทชื่อคุณแดง ซึ่งเป็นแกนนำชาวบ้านของบ้านไผ่ด้วย เจ้าของบ้านพาเราปั่นจักรยานไปที่นาของตัวเองซึ่งอยู่ไกลมาก ถึงที่นาเกือบสี่ทุ่ม ระยะทางการปั่นจักรยานในวันนั้นไม่น่าจะต่ำกว่า 140 กม.
สภาพที่พักเป็นเถียงนา (หมายถึงเพิงเล็กๆสำหรับพักผ่อนของชาวนาบริเวณท้องนา) มีคอกควายไถนาไกล้ที่พัก ไม่มีห้องน้ำ การอาบน้ำต้องยืนเปลือยกายหรือนุ่งผ้าขาวม้าอาบบนท้องนา แสงสว่างที่พอมีมาจากแสงเทียนหรือไฟฉาย กลางคืนก่อนนอนได้คุยกับเจ้าของบ้านซึ่งเป็นการ์ดคนเสื้อแดงบ้านไผ่ที่ราชประสงค์ในปี 2553
สามีของเขาเล่าว่าถึงแม้ว่าเขาจะเป็นชาวนา แต่เขาก็มีการศึกษาและใช้อินเทอร์เนทในการเคลื่อนไหว เขาบอกว่าทุกคืนหลังจากทำนา เขาจะต้องเข้าสู่โลกไซเบอร์ ติดต่อกับเพื่อนเสื้อแดงในต่างประเทศผ่านโปรแกรม skype แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันทุกคืน ขณะที่คุยกันเขาเปิดคลิปของคุณจักรภาพ เพ็ญแขลั่นทุ่ง
ผมรู้สึกทึ่งในความตื่นตัวของชาวบ้านที่นี่มาก พวกเขาเป็นชาวนาแท้ๆซึ่งเป็นตัวแทนของคนส่วนใหญ่ของประเทศ ผมมาเยี่ยมกับเขาถึงเถียงนา นอนอยู่เพิงเล็กๆที่พวกเขาทำนากันมาหลายปี เก็บข้อมูลจริงของชาวบ้านรากหญ้าซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ข้อมูลนี้สำคัญมากที่แสดงให้เห็นว่า คนยากจนในชนบทมีความตื่นตัวในประชาธิปไตยสูงมาก ในบางท้องที่ พวกเขาสามารถรับรู้ข่าวสารประชาธิปไตยผ่านทางช่อง Asia Update แต่สำหรับชาวนารุ่นใหม่ที่มีการศึกษา พวกเขาใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เนตในการสร้างประชาธิปไตยให้กับประเทศนี้กันแล้ว
หลังจากเสร็จสิ้นการเยี่ยมยายของอ้วน บัวใหญ่เป็นครั้งที่ 3 แล้ว พวกเราได้ออกเดินทางมุ่งหน้า อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่นเพื่อไปเยี่ยมครอบครัววีรชนบ้านไผ่ การเยี่ยมครอบครัววีนชนบ้านไผ่นี้เป็นครั้งที่ 2 จากครั้งแรกที่ได้มาเยี่ยมเมื่อต้นปี 2555 และถ่ายคลิปวีดีโอการเยียวยาไปเผยแพร่ การเยี่ยมเยียนเป็นไปอย่างเรียบง่าย พวกเราแวะนำเงินเยียวยาไปมอบให้จำนวน 1,200 บาท สอบถามการได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาล ซึ่งครอบครัววีรชนบ้านไผ่ได้รับเรียบร้อยแล้ว ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้น
หลังจากนั้นพวกเราได้ปั่นจักรยานต่อไปที่ตัวเมืองขอนแก่นซึ่งมีเวทีของนปช. จัดโดยกลุ่มสื่อมวลชนสถานีวิทยุเสื้อแดงขอนแก่นที่สาลากลางจังหวัด ที่นี่ คุณสมพงษ์และคุณพุทธิพงษ์ซึ่งเคยให้การต้อนรับกิจกรรมเส้นทางสีแดงเพื่อสันติภาพเมื่อต้นปี 2555 ได้ขอให้เราแวะมาขึ้นเวทีให้
การขึ้นเวทีนปช.เป็นเรื่องแปลกสำหรับผม เพราะปกติการทำกิจกรรมเส้นทางสีแดงจะมุ่งเฉพาะการเยี่ยมชาวบ้านและเยีวยาผู้ได้รับผลกระทบเท่านั้น งานวันนั้นมีคนเสื้อแดงจากอีสาน 22 จังหวัดมาร่วมงานหลายพันคน ถ่ายทอดสดทางสถานี Asia Update ไปทั่วประเทศ
พวกเราถึงเวทีช่วงหัวค่ำ ได้มีโอกาสพบกับแกนนำจังหวัดอีสานหลายกลุ่มที่เคยรู้จักกันหลังเวที พวกเราทุกคนขึ้นเวทีพร้อมกันในเวลาประมาณ 2 ทุ่ม ผมได้เป็นตัวแทนกลุ่มเส้นทางสีแดงกล่าวแนะนำกิจกรรมและรายงานกำหนดกิจกรรมในการทำกิจกรรมนี้ที่ภาคอีสาน ในขณะที่กล่าวรายงานกิจกรรม คนเสื้อแดงได้เริ่มส่งเสียงเชียร์และให้กำลังใจ หลายคนวิ่งมาที่หน้าเวทีเพื่อนำเงินบริจาคมามอบให้ หูผมอื้อด้วยความดีใจระคนแปลกใจที่เห็นคนเสื้อแดงที่นี่ให้กำลังใจกิจกรรมเส้นทางสีแดงมากขนาดนี้ ผมเข้าใจว่า อาจเป็นเพราะคนเสื้อแดงส่วนใหญ่เคยได้ยินชื่อกิจกรรมเส้นทางสีแดง แต่ไม่เคยปรากฏว่าจะขึ้นเวทีนปช.
พวกเราใช้เวลาเพียงแค่ 10 นาทีที่ได้รับอย่างคุ้มค่า หลังจากที่ลงจากเวที แกนนำชาวบ้านที่มาร่วมงานได้พาพวกเราเดินรับเงินบริจาคจากชาวบ้านที่อยู่ด้านหน้า พวกเราต้องแบ่งกันเป็น 2 สายและเดินรับเงินพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณและตอบข้อซักถามของชาวบ้านที่สนใจและให้กำลังใจพวกเราในการทำกิจกรรมนี้ หลังจากนั้นได้พวกเราได้นำเงินบริจาคมาช่วยกันนับหลังเวที ผมได้ถ่ายคลิปการนับเงินบริจาคไว้เป็นหลักฐาน ผมได้ขอให้พิธีกรในงานแจ้งยอดเงินบริจาคบนเวที ได้เงินบริจาค 9 พันกว่าบาท
ค่ำวันนั้นพวกเราต้องไปนอนที่ทุ่งนาของชาวบ้านที่อยู่ในเขตอำเภอชนบทชื่อคุณแดง ซึ่งเป็นแกนนำชาวบ้านของบ้านไผ่ด้วย เจ้าของบ้านพาเราปั่นจักรยานไปที่นาของตัวเองซึ่งอยู่ไกลมาก ถึงที่นาเกือบสี่ทุ่ม ระยะทางการปั่นจักรยานในวันนั้นไม่น่าจะต่ำกว่า 140 กม.
สภาพที่พักเป็นเถียงนา (หมายถึงเพิงเล็กๆสำหรับพักผ่อนของชาวนาบริเวณท้องนา) มีคอกควายไถนาไกล้ที่พัก ไม่มีห้องน้ำ การอาบน้ำต้องยืนเปลือยกายหรือนุ่งผ้าขาวม้าอาบบนท้องนา แสงสว่างที่พอมีมาจากแสงเทียนหรือไฟฉาย กลางคืนก่อนนอนได้คุยกับเจ้าของบ้านซึ่งเป็นการ์ดคนเสื้อแดงบ้านไผ่ที่ราชประสงค์ในปี 2553
สามีของเขาเล่าว่าถึงแม้ว่าเขาจะเป็นชาวนา แต่เขาก็มีการศึกษาและใช้อินเทอร์เนทในการเคลื่อนไหว เขาบอกว่าทุกคืนหลังจากทำนา เขาจะต้องเข้าสู่โลกไซเบอร์ ติดต่อกับเพื่อนเสื้อแดงในต่างประเทศผ่านโปรแกรม skype แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันทุกคืน ขณะที่คุยกันเขาเปิดคลิปของคุณจักรภาพ เพ็ญแขลั่นทุ่ง
ผมรู้สึกทึ่งในความตื่นตัวของชาวบ้านที่นี่มาก พวกเขาเป็นชาวนาแท้ๆซึ่งเป็นตัวแทนของคนส่วนใหญ่ของประเทศ ผมมาเยี่ยมกับเขาถึงเถียงนา นอนอยู่เพิงเล็กๆที่พวกเขาทำนากันมาหลายปี เก็บข้อมูลจริงของชาวบ้านรากหญ้าซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ ข้อมูลนี้สำคัญมากที่แสดงให้เห็นว่า คนยากจนในชนบทมีความตื่นตัวในประชาธิปไตยสูงมาก ในบางท้องที่ พวกเขาสามารถรับรู้ข่าวสารประชาธิปไตยผ่านทางช่อง Asia Update แต่สำหรับชาวนารุ่นใหม่ที่มีการศึกษา พวกเขาใช้คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เนตในการสร้างประชาธิปไตยให้กับประเทศนี้กันแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น