12 September 2013 at 11:15
ตอนที่ 9 เยี่ยมยายอ้วนบัวใหญ่ (ครั้งที่ 3)
วันที่ 14 พย.2555
พวกเราออกเดินทางจากตัวเมืองโคราชมุ่งหน้าอ.พิมายเพื่อเยี่ยมเยียนพี่น้องเสื้อแดงชาวพิมายอีกครั้ง จากที่เคยเยี่ยมเมื่อต้นปี ระยะทางในวันนั้นคือ 60 กม. คุณแดงซึ่งเป็นแกนนำชาวบ้านและเป็นสมาชิกอบต.ของอ.พิมายเป็นผู้ประสานงาน ได้รับการต้อนรับจากพิมายพิมายอย่างอบอุ่น มีงานเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้านของผู้ใหญ่บ้านเสื้อแดง สถานที่เดียวกับที่จัดงานต้นปี ที่พิมายไม่มีผู้ได้รับผลกระทบ การทำกิจกรรมจึงเป็นการให้กำลังใจและร่วมงานสังสรรค์เพื่อความสามัคคีในหมู่คณะ
วันที่ 15 พย.2555
เป้าหมายในวันนั้นคือการเดินทางไปอ.บัวใหญ่ เพื่อเยี่ยมยายของอ้วน บัวใหญ่ (การ์ดของนปช.ที่ถูกยิงเสียชีวิตปริศนาที่หน้าบ้านหลังเวทีแตกเมื่อปี 2553) และเยี่ยมครอบครัววีรชนที่อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น
ก่อนออกเดินทางจากพิมาย มีนักปั่นคนหนึ่ง (คุณเริงชัย อดีตผู้บริหารของสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง) ได้ขอแยกกลับกรุงเทพ เข้าใจว่าเป็นเพราะสภาพร่างกายและความตรากตรำ ระยะทางที่คุณเริงชัยทำได้ตั้งแต่ออกจากกรุงเทพเมื่อวันที่ 4 พย. 2555 คือ 859 กม. คุณเริงชัยไม่เคยปั่นจักรยานมาก่อน มาร่วมกิจกรรมเส้นทางสีแดงทริปแรกได้ผ่านภาคตะวันออกมาถึงพิมายได้ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจไม่น้อย ก่อนออกจากพิมายได้ไปถ่ายรูปหน้าอุทยานประวัติศาสตร์พิมายเป็นที่ระลึก
พวกเราแวะเยี่ยมสำนักงานของคุณโกศล ปัทมะ (น้องชายคุณนพดล ปัทมะ) คุณโกศลเป็นสส.พรรคเพื่อไทยจังหวัดนครราชสีมา เขต 5 สำนักงานของคุณโกศลเป็นทั้งสำนักงานของพรรคเพื่อไทยและศูนย์ประสานงานนปช.ของอ.บัวใหญ่ พวกเราได้รับการต้อนรับอย่างดียิ่งจากทีมงานซึ่งหลายคนเป็นแกนนำชาวบ้านอ.บัวใหญ่ที่เคยร่วมกิจกรรมเส้นทางสีแดงครั้งแรกในปี 2553 พวกเราท่านอาหารเที่ยงที่นี่ และได้รับเงินสนับสนุนกิจกรรมจำนวน 3,000 บาทซึ่งคุณโกศลฝากภรรยามามอบให้ ผมได้เขียนไว้ที่หน้าซองและถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน เงินจำนวนนี้จะนำไปมอบให้กับครอบครัวคุณอ้วน บัวใหญ่ ต่อท้ายด้วยคำว่า "เราไม่เคยทิ้งกัน"
หลังจากทานข้าวเสร็จ ผมได้พาขบวนเส้นทางสีแดงไปเยี่ยมคุณยายอ้วน บัวใหญ่ในเวลาประมาณ 13.00 น. การมาเยี่ยมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 (ครั้งแรกปลายปี 2553 ครั้งที่สองต้นปี 2555) หลานสาวของอ้วน บัวใหญ่โตขึ้นมากจากที่เคยมาเยี่ยมเมื่อต้นปี คุณยายมีท่าทางดีใจเหมือนเช่นเคย ก่อนกลับผมได้สอบถามข้อมูลการช่วยเหลือจากแกนนำในท้องถิ่น รวมถึงเงินเยียวยาของรัฐบาล
อ้วน บัวใหญ่ไม่อยู่ในเคสที่จะได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลเนื่องจากไม่ได้เสียชีวิตจากการชุมนุม แต่เสียชีวิตจากการถูกตามเก็บจากอิทธิพลมืดที่โยงใยการเมืองท้องถิ่น คนร้ายที่ถูกจับได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งในท้ายที่สุดคดีก็เงิียบหายไปไม่ต่างจากอีกหลายคนที่ผมเจอมา ชีวิตของคนจนในเมืองไทยหรือที่ไหนก็ตามมักจะไร้ค่าและไม่ได้รับความยุติธรรม
เมื่อสอบถามความช่วยเหลือจากแกนนำในท้องถิ่น คุณยายของอ้วนบอกว่าสุพร อัตถาวงศ์(สารวัตรแรมโบ้) เคยช่วยเหลือมา 50,000 บาทในวันที่ทำศพหลานชาย (อ้วนเป็นคนไกล้ชิดของคุณแรมโบ้) ซึ่งในความเห็นของผมเป็นการแสดงความรับผิดชอบที่ควรแก่เหตุ แต่แกนนำท้องถิ่นคนอื่นไม่ปรากฏว่าได้มีน้ำใจเช่นนี้
"บางรายไม่เคยให้มีแต่เอา" คำนี้ยังก้องอยู่ในหูผมจนถึงปัจจุบัน !
วันที่ 14 พย.2555
พวกเราออกเดินทางจากตัวเมืองโคราชมุ่งหน้าอ.พิมายเพื่อเยี่ยมเยียนพี่น้องเสื้อแดงชาวพิมายอีกครั้ง จากที่เคยเยี่ยมเมื่อต้นปี ระยะทางในวันนั้นคือ 60 กม. คุณแดงซึ่งเป็นแกนนำชาวบ้านและเป็นสมาชิกอบต.ของอ.พิมายเป็นผู้ประสานงาน ได้รับการต้อนรับจากพิมายพิมายอย่างอบอุ่น มีงานเลี้ยงสังสรรค์ที่บ้านของผู้ใหญ่บ้านเสื้อแดง สถานที่เดียวกับที่จัดงานต้นปี ที่พิมายไม่มีผู้ได้รับผลกระทบ การทำกิจกรรมจึงเป็นการให้กำลังใจและร่วมงานสังสรรค์เพื่อความสามัคคีในหมู่คณะ
วันที่ 15 พย.2555
เป้าหมายในวันนั้นคือการเดินทางไปอ.บัวใหญ่ เพื่อเยี่ยมยายของอ้วน บัวใหญ่ (การ์ดของนปช.ที่ถูกยิงเสียชีวิตปริศนาที่หน้าบ้านหลังเวทีแตกเมื่อปี 2553) และเยี่ยมครอบครัววีรชนที่อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น
ก่อนออกเดินทางจากพิมาย มีนักปั่นคนหนึ่ง (คุณเริงชัย อดีตผู้บริหารของสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง) ได้ขอแยกกลับกรุงเทพ เข้าใจว่าเป็นเพราะสภาพร่างกายและความตรากตรำ ระยะทางที่คุณเริงชัยทำได้ตั้งแต่ออกจากกรุงเทพเมื่อวันที่ 4 พย. 2555 คือ 859 กม. คุณเริงชัยไม่เคยปั่นจักรยานมาก่อน มาร่วมกิจกรรมเส้นทางสีแดงทริปแรกได้ผ่านภาคตะวันออกมาถึงพิมายได้ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจไม่น้อย ก่อนออกจากพิมายได้ไปถ่ายรูปหน้าอุทยานประวัติศาสตร์พิมายเป็นที่ระลึก
พวกเราแวะเยี่ยมสำนักงานของคุณโกศล ปัทมะ (น้องชายคุณนพดล ปัทมะ) คุณโกศลเป็นสส.พรรคเพื่อไทยจังหวัดนครราชสีมา เขต 5 สำนักงานของคุณโกศลเป็นทั้งสำนักงานของพรรคเพื่อไทยและศูนย์ประสานงานนปช.ของอ.บัวใหญ่ พวกเราได้รับการต้อนรับอย่างดียิ่งจากทีมงานซึ่งหลายคนเป็นแกนนำชาวบ้านอ.บัวใหญ่ที่เคยร่วมกิจกรรมเส้นทางสีแดงครั้งแรกในปี 2553 พวกเราท่านอาหารเที่ยงที่นี่ และได้รับเงินสนับสนุนกิจกรรมจำนวน 3,000 บาทซึ่งคุณโกศลฝากภรรยามามอบให้ ผมได้เขียนไว้ที่หน้าซองและถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน เงินจำนวนนี้จะนำไปมอบให้กับครอบครัวคุณอ้วน บัวใหญ่ ต่อท้ายด้วยคำว่า "เราไม่เคยทิ้งกัน"
หลังจากทานข้าวเสร็จ ผมได้พาขบวนเส้นทางสีแดงไปเยี่ยมคุณยายอ้วน บัวใหญ่ในเวลาประมาณ 13.00 น. การมาเยี่ยมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 (ครั้งแรกปลายปี 2553 ครั้งที่สองต้นปี 2555) หลานสาวของอ้วน บัวใหญ่โตขึ้นมากจากที่เคยมาเยี่ยมเมื่อต้นปี คุณยายมีท่าทางดีใจเหมือนเช่นเคย ก่อนกลับผมได้สอบถามข้อมูลการช่วยเหลือจากแกนนำในท้องถิ่น รวมถึงเงินเยียวยาของรัฐบาล
อ้วน บัวใหญ่ไม่อยู่ในเคสที่จะได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลเนื่องจากไม่ได้เสียชีวิตจากการชุมนุม แต่เสียชีวิตจากการถูกตามเก็บจากอิทธิพลมืดที่โยงใยการเมืองท้องถิ่น คนร้ายที่ถูกจับได้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐซึ่งในท้ายที่สุดคดีก็เงิียบหายไปไม่ต่างจากอีกหลายคนที่ผมเจอมา ชีวิตของคนจนในเมืองไทยหรือที่ไหนก็ตามมักจะไร้ค่าและไม่ได้รับความยุติธรรม
เมื่อสอบถามความช่วยเหลือจากแกนนำในท้องถิ่น คุณยายของอ้วนบอกว่าสุพร อัตถาวงศ์(สารวัตรแรมโบ้) เคยช่วยเหลือมา 50,000 บาทในวันที่ทำศพหลานชาย (อ้วนเป็นคนไกล้ชิดของคุณแรมโบ้) ซึ่งในความเห็นของผมเป็นการแสดงความรับผิดชอบที่ควรแก่เหตุ แต่แกนนำท้องถิ่นคนอื่นไม่ปรากฏว่าได้มีน้ำใจเช่นนี้
"บางรายไม่เคยให้มีแต่เอา" คำนี้ยังก้องอยู่ในหูผมจนถึงปัจจุบัน !
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น