วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

บันทึกเส้นทางสีแดงเพื่อสันติภาพ (5)

22 February 2012 at 00:42
5. จุดเริ่มของการเป็นนักกิจกรรมเสื้อแดง

ชูป้ายและภาพของเสธแดง (กิจกรรมรำลึกเสธแดงครั้งที่ 1)


หลังเวทีแตก ผมเป็นเช่นเดียวกับคนเสื้อแดงทั่วประเทศที่หัวใจสลายจากสิ่งที่ได้เห็น ไม่เคยนึกว่าจะมีเหตุการณ์ที่คนไทยถูกเข่นเข่นฆากลางเมือง ก่อนที่เวทีราชประสงค์จะแตก สถานทูตสิบกว่าแห่งในรัศมี 5 กม.ของราชประสงค์ปิดหมดเสมือนหนึ่งว่านานาประเทศไม่รับรู้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในเมืองไทย ผมเริ่มจากการนำข้อมูลที่ผมสัมผัสด้วยตนเองและภาพการสังหารประชาชนที่ราชประสงค์ส่งให้กับเพื่อนๆทางอีเมล์ ไม่นานนักมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งในโลกไซเบอร์แนะนำผมให้เข้าไปในห้องแคมฟร้อกของคนเสื้อแดง

ผมได้มีโอกาสรับรู้ข้อมูลข่าวสารใหม่ๆที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน ประวัติศาสตร์ประเภทที่ไม่สามารถหาได้จากห้องเรียนหรือจากสื่อทั่วไป ได้มีโอกาสพบกับเพื่อนๆที่ผ่านการชุมนุมทั้งที่ผ่านฟ้าและราชประสงค์ หลังจากนั้นผมเริ่มจับไมค์พูด เนื่องจากเคยสอนหนังสือในระดับอุดมศึกษาอยู่หลายปีทำให้ผมถนัดกับการจับไมค์พูด ผมเริ่มพูดให้คนในแคมฟร้อกฟังในสิ่งที่พบผมเห็น ผมจับไมค์ครั้งละนานนับชั่วโมง บางคืนหลายชั่วโมง ส่วนใหญ่เป็นการระบายความโกธร ความเกลียดชังรัฐบาลเผด็จการและกองทัพ ความผิดหวังในผู้ปกครองตัวจริงของประเทศ มีผู้ติดตามผมในแคมฟร้อกเป็นจำนวนมาก

หลังจากนั้นประมาณเดือนกรกฏาคม 2553 คุณสมบัติ บุญงามอนงค์ได้พาคนเสื้อแดงกลับไปผูกผ้าแดงที่ราชประสงค์อีกครั้ง มีคนจำนวนไม่น้อยที่ไปเป็นกำลังใจให้กับคุณสมบัติรวมทั้งผม  นั่นเป็นการออกมาต่อสู้ครั้งแรกของผมในฐานะคนเสื้อแดง (เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นการกลับมาของคนเสื้อแดงที่สำคัญที่จะเป็นจุดเริ่มต้นให้คนเสื้อแดงได้ลุกมาสู้อีกครั้งจนได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งเมื่อกลางปี 2554) ผมเป็นหนึ่งในผู้ที่ติดตามคุณสมบัติออกมาทำกิจกรรมรุ่นแรกๆ ผมออกมาทำกิจกรรมกับคุณสมบัติบ่อยเท่าที่จะทำได้

ในเดือนสิงหาคมปีนั้นผมเริ่มจัดกิจกรรมเป็นครั้งแรกด้วยคำแนะนำของคุณสมบัติและเพื่อนๆจากกลุ่มวันอาทิตย์สีแดง กิจกรรมแรกที่ผมจัดคือกิจกรรมรำลึกเสธแดง (Remembrance of Sae Dang) ในวันที่ 29 สิงหาคม บริเวณลานอนุเสาวรีย์รัชกาลที่ 6 มีการชุมนุมของคนเสื้อแดง ชุป้ายประนามการกระทำของรัฐบาลและผู้อยู่เบื้องหลังการสังหารเสธแดง มีการแสดงการจำลองเหตุการณ์เสธแดงถุกยิง และการตั้งขบวนของคนเสื้อแดงเพื่อเดินไปจุดเทียนแดง วางดอกไม้แดง และผูกผ้าแดงให้กับเสธแดงในจุดที่เสธแดงถูกลอบยิง กิจกรรมนี้ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนมาก ผมได้จัดกิจกรรมนี้ขึ้นอีก 2 ครั้งคือในอาทิตย์ที่สองของเดือนกันยายน และตุลาคม 2553

ระหว่างเดือนกันยายน มีข่าวลือว่าคุณเดวิด เพอร์แชล คอนเนอร์ถูกซ้อมในคุกระห่างถูกกักขังในคดีฝ่าฝืนพรก.ฉุกเฉิน (คุณคอนเนอร์เป็นชาวออสเตรเลียที่อยู่เมืองไทยหลายปีและเป็นอาจารย์สอนภาษาอังกฤษอยู่ในกรุงเทพ คุณคอนเนอร์ได้รับเชิญให้ขึ้นเวทีที่ราชประสงค์ และได้พูดถึงเหตุการณ์การสังหารหมู่ หรือที่เรียกว่า massacre ในวันที่ 10 เมย.2553 ให้กับผู้ชุมนุมได้รับทราบ การขึ้นเวทีของคุณคอนเนอร์มีผลทางจิตวิทยามากเนื่องจากกองทัพออกข่าวว่าไม่ได้ใช้กระสุนจริงและไม่ได้สังหารประชาชน คุณคอนเนอร์ถูกจับกุมระหว่างที่ทหารเข้าสลายการชุมนุม)

ผมได้นัดคนเสื้อแดงให้ไปเยี่ยมคุณคอนเนอร์ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพประมาณปลายเดือนกันยายนโดยทำการนัดผ่านแคมฟร้อกที่ผมพูดทุกคืนพร้อมกับออกข่าวว่าจะไปยื่นหนังสือและหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่ามีการทารุณและทุบตีคุณคอนเนอร์ในเรือนจำ ผมเจตนาที่จะพูดย้ำๆทุกคืนในแคมฟร้อกว่าจะไปยื่นหนังสือให้สถานทูตของประเทศออสเตรเลีย ตัวแทนกาชาดสากล ประธานสิทธิมนุษยชนในเมืองไทย ฯลฯ

เมือถึงวันเยี่ยม คุณสมบัติ บุญงามอนงค์ได้ไปเยี่ยมพร้อมกับผมโดยนัดหมายที่เรือนจำ พวกเราถูกนำตัวไปนั่งรอในห้องเยี่ยมเกือบสองชั่วโมง ในท้ายที่สุดมีเจ้าหน้าที่ของเรือนจำมาบอกกับพวกเราว่าคุณคอนเนอร์ถูกนำตัวไปขึ้นศาล (ทั้งๆที่ไม่มีกำหนดนัดขึ้นศาลในวันนั้น) และได้รับการปล่อยตัวไปแล้ว เมื่อพวกเราโทรเช็คไปที่สื่อมวลชนที่ทำข่าวอยู่ที่ศาลอาญารัชดาได้รับการยืนยันว่ามีการปล่อยตัวจริง พวกเราจึงเดินทางกลับด้วยความดีใจ ผมไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะ "วิธี" ในการปล่อยข่าวว่าจะไปยื่นหนังสือให้องค์กรต่างๆหรือไม่ที่กดดันจนกระทั่งรัฐบาลปล่อยตัวคุณคอนเนอร์ แต่นั่นไม่สำคัญ เพราะภารกิจได้บรรลุเป้าหมายแล้ว

หมายเหตุ : คุณคอนเนอร์ได้เดินทางกลับประเทศออสเตรเลียในอีกสองสัปดาห์ต่อมาโดยการช่วยเหลือของแกนนำจากราชบุรีท่านหนึ่ง ในวันนั้นผมและเพื่อนๆในแคมฟร้อกอีกหลายคนได้เดินทางไปส่งที่สนามบินสุวรรณภูมิแต่คลาดกันไม่นาน คุณคอนเนอร์ได้เดินเข้าไปด้านในสนามบินเพื่อรอขึ้นเครื่องแล้ว ผมได้มีโอกาสพบกับเพื่อนสาวชาวไทยของคุณคอนเนอร์ ได้สนทนาทางโทรศัพท์ประมาณ 10 นาที ได้จดอีเมล์ของคุณคอนเนอร์ และได้ติดต่อกับคุณคอนเนอร์หลังจากที่เจ้าตัวเดินทางถึงซิดนี่ย์แล้ว และได้ติดต่อกันทางเฟซบุ้คจนถึงทุกวันนี้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น