วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555

บันทึกเส้นทางสีแดงเพื่อสันติภาพ (ตอน 33)


11 October 2012 at 15:25
33. โตนเลสาป  วัดบันนอน เมืองพระตะบอง

เช้าวันที่ 7 กพ. พวกเรารับประทานอาหารเช้าในโรงแรม City Angkor ผมใช้เวลา 10 นาทีโพสภาพที่ถ่ายจากนครธมนครวัดลงเฟซบุ้คจากล็อบบี้ของโรงแรม จากนั้นพวกเราได้ปั่นจักรยานชมเมืองเสียมเรียบ โปรแกรมในวันนี้คือการไปเยี่ยมชมโตนเลสาปซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศกัมพูชา
 นางรำอัปสรายืนให้ถ่ายภาพหลังการแสดง
โตนเลสาปเป็นทะเลสาปน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ มีพื้นที่ประมาณ 7,500 ตารางกิโลเมตร (ใหญ่กว่ากรุงเทพฯ ประมาณ 7 เท่า) ตั้งอยู่ตรงกลางของประเทศ ทะเลสาปขนาดยักษ์นี้เกิดจากแม่น้ำโขงที่ไหลผ่านกัมพูชาครอบคลุมพื้นที่ 5 จังหวัดได้แก่ กำปงธม กำปงชนัง โพธิสัตว์ พระตะบอง และเสียมราฐ โตนเลสาปมีปลาน้ำจืดกว่า 300 ชนิด ทำให้มีชาวกัมพูชารวมถึงชาวเวียดนามอพยประกอบอาชีพประมงรอบทะเลสาปจำนวนมาก

พวกเราปั่นจักรยานจากตัวเมืองเสียมเรียบมุ่งหน้าไปโตนเลสาปซึ่งอยู่นอกเมือง ระยะทางประมาณ 15 กม. วันนั้นมีทักท่องเที่ยวไม่มากนัก นานๆจะเห็นรถตุ๊กๆพานักท่องเที่ยวต่างชาติสวนมา เมื่อเข้าไกล้โตนเลสาปก็จะได้กลิ่นคาวปลาซึ่งเกิดจากการทำประมงพื้นบ้าน เมื่อถึงบริเวณโตนเลสาปก็พบกับด่านรักษาความปลอดภัยซึ่งนักท่องเที่ยวต้องจ่ายเงินค่าธรรมเนียมซึ่งรวมค่าลงเรือชมทะเลสาปแล้ว

พวกเราลงเรือขนาดเล็กล่องชมทะเลสาปที่กว้างสุดลุกหูลูกตา ผ่านหมู่บ้านชาวประมงชาวเวียดนามซึ่งน่าจะอพยพหนีภัยสงครามกลางเมืองมาเมื่อหลายสิบปีก่อน มีโบสถ์ของศาสนาคริสต์และสถานีอนามัยตั้งอยู่กลางน้ำ เรือใช้เวลาประมาณ 1 ชม.ถึงแพกลางทะเลสาปซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนของนักท่องเที่ยว บนแพมีร้านอาหารและจำหน่ายสินค้าที่ระลึก มีเด็กๆชาวกัมพูชาถือลูกงูหลามขนาดเล็กมาให้นักท่องเที่ยวถ่ายรุปเพื่อแลกกับเงินทิปเล็กๆน้อยๆ

พวกเรากลับจากโตนเลสาปประมาณเที่ยงวัน ปั่นจักรยานเข้าไปในเมืองเสียมเรียบและทานอาหารในย่านไกล้กับ Pub Street ซึ่งเป็นแหล่งนักท่องเที่ยวต่างชาติ ได้รับประทานอาหารที่ร้านเล็กๆแห่งหนึ่งที่เจ้าของร้านพูดภาษาไทยได้ เธอเล่าว่าทำงานที่เกาะกงหลายปี เธอรู้จักคนเสื้อแดงเป็นอย่างดี เธอเล่าว่าในสายตาของชาวกัมพูชา "คนเสื้อแดงเป็นคนดี และเป็นคนเสียสละเพื่อประเทศชาติ โดยเฉพาะคนที่ตายจากการสู้กับทหาร" เธอพูดด้วยสำเนียงแปร่งๆแต่ความหมายของคำพูดทำให้ผมได้เข้าใจมุมมองของเพื่อนบ้านที่มีต่อคนเสื้อแดงมากขึ้น

บ่ายวันนั้นพวกเรากลับโรงแรมเพื่อพักผ่อนร่างกายจากการตรากตรำปั่นจักรยานร่วมสองพันกิโล ช่วงเย็นคุณนพดลได้พาคณะปั่นจักรยานไปทานอาหารบุฟเฟต์ชื่อร้าน เฮง บา จก ซึ่งอยุ่ไม่ไกลจากโรงแรม City Angkor เป็นร้านอาหารเปิดใหม่ที่มีเจ้าของเป็นคนไทย ร้านอาหารตกแต่งสวยงามและอาหารมีรสชาดดีมาก พนักงานยิ้มแย้มและมีท่าทีที่ดีใจมากที่ได้มีโอกาสต้อนรับคนเสื้อแดงจากเมืองไทย

ผมได้มีโอกาสชมนาฏศิลป์ของกัมพูชาเป็นครั้งแรกในชีวิต พบว่ามีความคล้ายคลึงกับนาฏศิลป์ไทยมากโดยเฉพาะการร่ายรำ การแต่งกาย และเสียงดนตรี มีการแสดงโขนเรื่องรามเกียรติ์ตอนมัจฉานุและนางสุพรรณมัจฉา การแสดงบางชุดนางรำแต่งกายคล้ายกับอัปสราที่เห็นในระเบียงนครวัด มีการแสดงโชว์ในชุดรำเกี่ยวข้าว รำอวยพร ฯลฯ การได้มีโอกาสชมการแสดงอย่างไกล้ชิดทำให้ผมเกิดความประทับใจในศิลปวัฒนธรรมของกัมพูชามาก มารู้ภายหลังว่านักแสดงส่วนใหญ่เป็นเด็กกำพร้าที่พ่อแม่เสียชีวิตระหว่างสงครามกลางเมือง

เช้าวันที่ 8 กพ. พวกเราออกจากโรงแรม City Angkor ได้ร่ำลากับคุณวิชัยผู้จัดการโรงแรม จากนั้นคุณนพดลได้ให้รถไปส่งที่เมืองพระตะบอง เนื่องจากถนนจากเสียมเรียบไปศรีโสภณค่อนข้างอันตราย พวกเราใช้เวลาไม่เกิน 2 ชม.ถึงเมืองศรีโสภณ นักปั่นจากชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพที่มาปั่นด้วยจากอุบลได้ขอแยกตัวกลับเมืองไทย ทำให้เหลือนักปั่นเพียง 4 คนที่จะเดินทางไปจนถึงพนมเปญ

หลังจากถ่ายรูปกับรุปปั้นพระวิษณุที่ตั้งอยู่กลางเมือง ชาวบ้านที่มาสนทนากับพวกเราได้แนะนำให้ไปเยี่ยมวัดบันนอน (Banon Temple) ซึ่งเป็นวัดที่สร้างในสมัยเดียวกับนครธม นครวัด เป็นวัดที่ตั้งอยู่บนภูเขา และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองพระตะบอง จากวงเวียนรูปปั้นพระวิษณุที่ตั้งอยู่กลางเมือง จะมีทางแยกซ้ายมือมุ่งตรงไปวัดบันนอน ระยะทางประมาณ 30 กม.

พวกเราใช้เวลาประมาณ 90 นาทีถึงวัดบันนอน ผมเริ่มสังเกตุว่าอากาศในกัมพูชาน่าจะร้อนกว่าเมืองไทย เมื่อถึงวัดบันนอนได้แวะดื่มน้ำและสนทนากับแม่ค้าที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดี ผมบอกกับเธอว่าพวกเราเดินทางมาจากเมืองไทยเพื่อไปพนมเปญ เธอได้ถามความรู้สึกของผมในฐานะคนเสื้อแดงที่มีต่อประเทศของเธอ ผมบอกเธอว่า กัมพูชามีภาษาและเพลงที่ไพเราะมาก และหญิงกัมพุชามีรอยยิ้มที่เปิดเผยและมีเสน่ห์ ภาพที่ผมถ่ายกับเธอเป็นที่ระลึกคงจะบอกได้ดีว่าการพูดในสิ่งที่ดีๆของประเทศผู้อื่นจะนำมาซึ่งมิตรภาพที่เปิดกว้าง

พวกเราต้องเดินขึ้นวัดบันนอนซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาสูง เมื่อเดินขึ้นไปถึงด้านบนจะเห็นวัดบันนอนบนซากปรักหักพังของสิ่งก่อสร้างสมัยโบราณ มีหญิงชรานัยตาฝ้าฟางคอยบริการธูปเทียนให้กับนักท่องเที่ยว ภายในเจดีย์มีพระพุทธรูปทรงนาคปรกภายใน พวกเราไหว้พระขอพร และใช้เวลานั่งสมาธิหรืออยู่กับตัวเองเงียบๆประมาณ 30 นาที จากนั้นเดินทางกลับ

ขากลับจากวัดบันนอน พวกเราพบชาวเขมรคนหนึ่งที่ขี่มอเตอร์ไซด์ตามพวกเรามา เขาส่งเสียงทักทายเราเป็นภาษาไทยแปร่งๆและเชิญให้เราไปแวะที่บ้าน เขาบอกว่าชื่อ "เวน" เคยทำงานก่อสร้างที่เมืองไทยหลายปี บ้านของเขาเป็นบรรยากาศชนบทแท้ๆของกัมพูชา เมื่อตอนทีไปถึง ครอบครัวของเขาและเพื่อนบ้านกำลังรับประทานอาหารใต้ต้นตาลพร้อมกับสุราพื้นบ้าน ผมส่งภาษามือถามว่าพวกเขากำลังดื่มอะไร พวกเขายิ้มและชี้มือมาที่ต้นตาล ผมเดาว่าน่าจะเป็น "น้ำตาลเมา" แบบกัมพูชา หลังจากทักทายกันสักครู่พวกเราได้ร่ำลากัน ก่อนจากได้ถ่ายภาพและคลิปเป็นที่ระลึก จากนั้นได้ปั่นจักรยานกลับเมืองพระตะบอง เข้าพักที่โรงแรมเล็กๆแห่งหนึ่ง

นับจากนี้ไปการเดินทางการเดินทางของเส้นทางสีแดงในกัมพูชาจะเป็นไปโดยลำพัง ไม่มีใครที่พวกเรารู้จัก มีผมและรอ.ปรีชา 2 คนเท่านั้นที่สามารถสื่อสารกับชาวกัมพูชาด้วยภาษาอังกฤษ ภารกิจจากนี้ไปคือการเดินทางเข้าสู่พนมเปญตามที่กำหนด โดยจะต้องผ่านเมืองโพธิสัตว์ (Pousat) 104 กม. กัมปงชนัง (Kampong Chhang) 96 กม. และพนมเปญ (Phnom Penh) 91 กม.ในวันที่ 11 กพ. 2555 !


มิตรภาพระหว่างหนุ่มเสื้อแดง และแม่ค้าชาวเขมร
มิตรภาพระหว่างหนุ่มเสื้อแดง และแม่ค้าชาวเขมร




นั่งเรือชมโตนเลสาป
นั่งเรือชมโตนเลสาป


เด็กน้อยชาวกัมพูชาบนแพกลางโตนเลสาป
เด็กน้อยชาวกัมพูชาบนแพกลางโตนเลสาป


หญิงชาวกัมพูชาที่เล่าเรื่องคนเสื้อแดงในสายตาคนกัมพูชา
หญิงชาวกัมพูชาที่เล่าเรื่องคนเสื้อแดงในสายตาคนกัมพูชา


นางสุพรรณมัจฉาและการร่ายรำ
นางสุพรรณมัจฉาและการร่ายรำ


การแสดงชุดรำอวยพร คล้ายคลึงกับนาฏศิลป์ไทยแทบจะแยกไม่ออก
การแสดงชุดรำอวยพร คล้ายคลึงกับนาฏศิลป์ไทยแทบจะแยกไม่ออก



นางรำอัปสรายืนให้ถ่ายภาพหลังการแสดง


ถ่ายกับเจ้าของร้านและพนักงานของร้านอาหาร เฮง บา จก
ถ่ายกับเจ้าของร้านและพนักงานของร้านอาหาร เฮง บา จก


ถ่ายกับรูปปั้นพรหมสี่หน้า เมืองศรีโสภณ
ถ่ายกับรูปปั้นพรหมสี่หน้า เมืองศรีโสภณ


โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษที่เห็นทั่วไปในกัมพูชา
โรงเรียนสอนภาษาอังกฤษที่เห็นทั่วไปในกัมพูชา


รูปปั้นพระนารายณ์กลางเมืองพระตะบอง
รูปปั้นพระนารายณ์กลางเมืองพระตะบอง


ทางขึ้นวัดบันนอน (Banon Tempel)
ทางขึ้นวัดบันนอน (Banon Tempel)


ไหว้สักการะพระพุทธรูปด้านใน
ไหว้สักการะพระพุทธรูปด้านใน


รูปปั้นเทวรูปบนวัดบันนอน
รูปปั้นเทวรูปบนวัดบันนอน




หน้าพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ วัดบันนอน
หน้าพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ วัดบันนอน


เยี่ยมครอบครัวชาวกัมพูชาที่เจ้าบ้านเคยทำงานที่เมืองไทย
เยี่ยมครอบครัวชาวกัมพูชาที่เจ้าบ้านเคยทำงานที่เมืองไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น