32. เข้ากัมพูชา เยือนนครธม นครวัด
พวกเราเสร็จสิ้นภารกิจเส้นทางสีแดงเพื่อสันติภาพในประเทศไทยแต่เพียงเท่านี้ รวมระยะเวลาที่ทำกิจกรรมในเมืองไทย 28 วัน ระยะทาง 2,057 กม. คืนนั้นพวกเราได้รับเกียรติจากสส.ธีระพาไปเลี้ยงอาหารเย็นที่ภัตตาคารแห่งหนึ่งในอ.กันทรลักษณ์ และเปิดห้องพักที่รีสอร์ทเล็กๆแห่งหนึ่งไกล้ชายแดน มีกลิ่นหอมแปลกๆของไร่มันสำปะหลังกระจายทั่วรีสอร์ท
เช้าวันที่ 5 กพ.2555 พวกเราได้ปั่นจักรยานจากอ.ขุนหาญไปด่านช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ขบวนจักรยานเส้นทางสีแดงได้แวะให้กำลังใจพี่น้องเสื้อแดงภูสิงห์ที่บ้านของวีรชนที่เสียชีวิต มีภรรยาหม้ายของวีรชน 2 รายมารอพบ หนึ่งในนั้นเป็นคุณป้าคนหนึ่งที่เสียสามีวัย 60 ปี คุณป้าบอกกับผมทั้งน้ำตาต่อหน้าชาวบ้านว่า หากได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลจริงจะนำเงินไปซื้อรถกระบะ 1 คันและมอบให้กับคนเสื้อแดงในภูสิงห์เพื่อใช้ในการเดินทางมาชุมนุม สำหรับผม คำๆนี้ีความหมายลึกซึ้ง ความหมายจริงๆของคุณป้าท่านนี้หมายถึงคนเสื้อแดงจะสู้ไม่ว่าเป็นหรือตาย ถึงตายเป็นผีก็จะนำเงินมอบให้กับคนเป็นได้ต่อสู้ต่อไปจนกว่าจะได้รับความยุติธรรมและประชาธิปไตย
หลังจากถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึก พวกเราได้ปั่นจักรยานต่อไปยังด่านช่องสะงำเพื่อรอข้ามแดนในเวลา 8.00 น. เป็นโชคดีของพวกเราที่มีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่ชื่นชอบอุดมการณ์ของคนเสื้อแดงคอยอำนวยความสะดวก นอกจากนี้สิ่งที่ผมจะไม่มีวันลืมเลยคือการที่ตำรวจท่านนี้ได้มอบเงินสนับสนุนการเดินทางให้เส้นทางสีแดงจำนวน 3,000 บาท (กลุ่มเส้นทางสีแดงได้มอบเงินบริจาคทั้งหมดที่มีอยู่ให้กับครอบครัวของผู้สูญเสียที่ศรีสะเกษและไม่ได้กันเงินสำหรับการเดินทางเข้ากัมพูชาแม้แต่น้อย) ตำรวจท่านนี้ชื่อคุณประวัติ ซึ่งได้ให้ความอนุเคราะห์เส้นทางสีแดงในยามขัดสน
ก่อนข้ามด่าน คุณแอ๊วซึ่งเป็นแกนนำชาวบ้านที่ศรีสะเกษและสามีได้มาส่งถึงด่าน จากนั้นคุณนพดลซึ่งเป็นคนไทยที่ประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่เสียมเรียบได้เดินทางมารับที่ด่านช่องสะงำ ถนนที่ด่านช่องสะงำในปีนั้นยังเป็นถนนดินแดง ขณะที่เดินผ่านด่านพวกเรารู้สึกแปลกๆ บรรยากาศเหมือนกับย้อนยุคหนังไทยเมื่อ 30 ปีก่อน การเดินทางเข้ากัมพูชาต้องใช้พาสปอร์ท แต่ไม่ต้องใช้วีซ่า
คุณนพดลเป็นชาวอำเภอภูสิงห์ที่ประกอบธุรกิจนำเที่ยวในกัมพูชามานาน คุณนพดลนำรถยนต์มารับพวกเราในการเดินทางเข้าเสียมเรียบ ระยะทางประมาณ 150 กม. ถนนจากช่องสะงำไปเสียมเรียบไม่ค่อยดีนัก ประกอบกับการที่ชาวกัมพูชาขับรถชิดขวาและใช้ความเร็วสูงทำให้พวกเราต้องโหลดรถจักรยานทั้งหมดขึ้นรถยนต์และมุ่งหน้าไปเสียมเรียบ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ได้เข้าพักที่โรงแรม City Angkor ซึ่งเป็นโรงแรม 4 ดาวโดยความเอื้อเฟื้อของคุณนพดลและคุณวิชัยผู้จัดการโรงแรมซึ่งเป็นชาวไทย หลังจากเช็คอินแล้ว คุณนดลได้นำรถยนต์พาพวกเราชมเมืองเสียมเรียบ และผ่านรอบนอกของนครธมนครวัด ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสเห็นนครธม นครวัดในระยะไกลแต่ความรู้สึกแรกเห็นตื่นตาตื่นใจยิ่ง หลังจากนั้นได้ไปไหว้องค์เจกองค์จอม พระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของเสียมเรียบ
เย็นวันนั้นคุณนพดลได้พาพวกเราไปทานอาหารเย็นที่บ้านในเสียมเรียบ มีไกด์ซึ่งพูดได้ทั้งไทยและกัมพูชามาทานด้วยหลายคน คุณนพดลได้ให้ข้อมูลการทำกิจกรรมในกัมพูชา คืนนั้นพวกเราเข้านอนค่อนข้างเร็วเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมในการเยี่ยมชมนครธม นครวัด หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในวันรุ่งขึ้น
เช้าวันถัดมาพวกเราปั่นจักรยานเข้านครธม นครวัด ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรม City Angkor เป็นที่น่าสังเกตุว่าเวลาขบวนปั่นจักรยานเส้นทางสีแดงผ่านไปที่ใดจะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ส่วนชาวกัมพูชานั้นเป็นที่น่าสังเกตุว่ามีท่าทีที่เป็นมิตรกับคนเสื้อแดงมาก ไม่ต่างจากคำบอกเล่าที่ผมเคยได้ยินมา ว่าคนเสื้อแดงเกือบทั้งประเทศชอบคนเสื้อแดงและนายกทักษิณ ตอนที่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งชาวกัมพูชาเฮกันทั้งประเทศ ข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันจากการลงมาทำกิจกรรมที่เขาพระวิหารและในกัมพูชา ทำให้เริ่มมองเห็นภาพว่าพรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่ส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวกับเพื่อนบ้านโดยเฉพาะชาวกัมพูชามากกว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ก่อสงครามชายแดน ร้านค้าร้านอาหารหรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวของกัมพูชาซบเซามาก ส่งผลกระทบต่อรายได้และการจ้างงานของชาวกัมพูชาเป็นทอดๆ
ใครที่ได้เดินทางมาชมนครธม นครวัดครั้งแรกจะตื่นตาตื่นใจมาก การเดินชมนครธมนครวัดเป็นเสมือนภาพแห่งความฝัน ชวนให้จินตนาการถึงประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรขอมโบราณ นครวัดเป็นศาสนสถานที่สร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ในราวต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 เดิมเป็นศาสนาสถานของศาสนาฮินดูเพื่อสร้างถวายแด่พระวิษณุ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นศาสนาพุทธ ตัวปราสาทนครวัดมีขนาด 200,000 ตรม. สูง 60 ม.กว้าง 80 ม. ยาว 80 ม. มีการวางแผนผังที่ถือกันว่ามีวิวัฒนาการสุดยอดของคนสมัยโบราณ ใช้หินกว่า 600,000 ตร. ใช้ช้างกว่า 40,000 เชือกและแรงงานนนับแสนในการขนหินจากเทือกเขาพนมกุเลนที่ห่างออกไปกว่า 50 กม. ภาพและคลิปของรูปปั้นพระวิษณุหรือพระนารายณ์ที่ผมถ่ายด้วยตนเองทำให้รู้สึกถึงความอลังการ์ของอาณาจักขอมสมัยโบราณ เมื่อแรกเห็นผมเสมือนตกอยู่ในความฝัน
พวกเราใช้เวลาทั้งวันในการเที่ยวชมนครธมนครวัด และผมพยายามเก็บภาพให้ได้มากที่สุดเพื่อมาเผยแพร่ให้คนเสื้อแดงได้เกิดความประทับใจและอยากจะเดินทางไปเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิต ภายในปี 2558 ประชาคมอาเซียนจะเกิดขึ้น และจะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวของผู้คนของแต่ละประเทศเป็นไปอย่างง่ายดายและรวดเร็วเนื่องจากไม่ต้องใช้หนังสือเดินทาง ในฐานะอดีตหัวหน้าสาขาวิชาการท่องเที่ยวและอดีตอาจารย์รับเชิญของหลักสูตรปริญญาโทสาขาการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผมมองเห็นศักยภาพและอนาคตทางด้านการท่องเที่ยวของเสียมเรียบว่าจะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นในอนาคต และการมาเยือนสถานที่ทางประวัติศาสตร์นี้จะทำให้คนไทยได้เข้าในอดีตและความสัมพันธ์ของสองประเทศมากขึ้น
เย็นวันนั้น มีงานเลี้ยงต้อนรับที่โรงแรม City Angkor โดยคุณวิชัยผู้จัดการโรงแรมได้จัดงานที่บริเวณหลังโรงแรม ไกล้บริเวณสระน้ำ สถานที่โอ่โถงและสวยงามมาก มีคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ้คและสไลด้สำหรับการทำ Presentation ผมได้มีโอกาสบรรยายสรุปกิจกรรมเส้นทางสีแดงเพื่อสันติภาพที่อีสาน บอกเล่าถึงความสูญเสียของแต่ละครอบครัว และการช่วยเหลือของเส้นทางสีแดง การบรรยายใช้เวลาประมาณ 40 นาที และเป็นการบรรยายสดจากภาพประกอบกิจกรรมนับร้อยที่ผมถ่ายตั้งแต่ออกเดินทาง ขณะที่บรรยายนั้น ผมเกิดความรู้สึกว่าจะทำอย่างไรที่จะให้สังคมไทยได้รับรู้เรื่องราวของผู้สญเสียที่กระจายอยู่ตามป่าเขาและชนบท เรื่องราวของนักสู้ชาวอีสานที่เสียสละเพื่อประชาธิปไตยสมควรที่จะได้รับการเผยแพร่มากกว่านี้เพื่อเป็นการยกย่องและเชิดชุเกียรติ
พวกเราเสร็จสิ้นภารกิจเส้นทางสีแดงเพื่อสันติภาพในประเทศไทยแต่เพียงเท่านี้ รวมระยะเวลาที่ทำกิจกรรมในเมืองไทย 28 วัน ระยะทาง 2,057 กม. คืนนั้นพวกเราได้รับเกียรติจากสส.ธีระพาไปเลี้ยงอาหารเย็นที่ภัตตาคารแห่งหนึ่งในอ.กันทรลักษณ์ และเปิดห้องพักที่รีสอร์ทเล็กๆแห่งหนึ่งไกล้ชายแดน มีกลิ่นหอมแปลกๆของไร่มันสำปะหลังกระจายทั่วรีสอร์ท
เช้าวันที่ 5 กพ.2555 พวกเราได้ปั่นจักรยานจากอ.ขุนหาญไปด่านช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ขบวนจักรยานเส้นทางสีแดงได้แวะให้กำลังใจพี่น้องเสื้อแดงภูสิงห์ที่บ้านของวีรชนที่เสียชีวิต มีภรรยาหม้ายของวีรชน 2 รายมารอพบ หนึ่งในนั้นเป็นคุณป้าคนหนึ่งที่เสียสามีวัย 60 ปี คุณป้าบอกกับผมทั้งน้ำตาต่อหน้าชาวบ้านว่า หากได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลจริงจะนำเงินไปซื้อรถกระบะ 1 คันและมอบให้กับคนเสื้อแดงในภูสิงห์เพื่อใช้ในการเดินทางมาชุมนุม สำหรับผม คำๆนี้ีความหมายลึกซึ้ง ความหมายจริงๆของคุณป้าท่านนี้หมายถึงคนเสื้อแดงจะสู้ไม่ว่าเป็นหรือตาย ถึงตายเป็นผีก็จะนำเงินมอบให้กับคนเป็นได้ต่อสู้ต่อไปจนกว่าจะได้รับความยุติธรรมและประชาธิปไตย
หลังจากถ่ายรูปหมู่เป็นที่ระลึก พวกเราได้ปั่นจักรยานต่อไปยังด่านช่องสะงำเพื่อรอข้ามแดนในเวลา 8.00 น. เป็นโชคดีของพวกเราที่มีตำรวจตรวจคนเข้าเมืองที่ชื่นชอบอุดมการณ์ของคนเสื้อแดงคอยอำนวยความสะดวก นอกจากนี้สิ่งที่ผมจะไม่มีวันลืมเลยคือการที่ตำรวจท่านนี้ได้มอบเงินสนับสนุนการเดินทางให้เส้นทางสีแดงจำนวน 3,000 บาท (กลุ่มเส้นทางสีแดงได้มอบเงินบริจาคทั้งหมดที่มีอยู่ให้กับครอบครัวของผู้สูญเสียที่ศรีสะเกษและไม่ได้กันเงินสำหรับการเดินทางเข้ากัมพูชาแม้แต่น้อย) ตำรวจท่านนี้ชื่อคุณประวัติ ซึ่งได้ให้ความอนุเคราะห์เส้นทางสีแดงในยามขัดสน
ก่อนข้ามด่าน คุณแอ๊วซึ่งเป็นแกนนำชาวบ้านที่ศรีสะเกษและสามีได้มาส่งถึงด่าน จากนั้นคุณนพดลซึ่งเป็นคนไทยที่ประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่เสียมเรียบได้เดินทางมารับที่ด่านช่องสะงำ ถนนที่ด่านช่องสะงำในปีนั้นยังเป็นถนนดินแดง ขณะที่เดินผ่านด่านพวกเรารู้สึกแปลกๆ บรรยากาศเหมือนกับย้อนยุคหนังไทยเมื่อ 30 ปีก่อน การเดินทางเข้ากัมพูชาต้องใช้พาสปอร์ท แต่ไม่ต้องใช้วีซ่า
คุณนพดลเป็นชาวอำเภอภูสิงห์ที่ประกอบธุรกิจนำเที่ยวในกัมพูชามานาน คุณนพดลนำรถยนต์มารับพวกเราในการเดินทางเข้าเสียมเรียบ ระยะทางประมาณ 150 กม. ถนนจากช่องสะงำไปเสียมเรียบไม่ค่อยดีนัก ประกอบกับการที่ชาวกัมพูชาขับรถชิดขวาและใช้ความเร็วสูงทำให้พวกเราต้องโหลดรถจักรยานทั้งหมดขึ้นรถยนต์และมุ่งหน้าไปเสียมเรียบ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ได้เข้าพักที่โรงแรม City Angkor ซึ่งเป็นโรงแรม 4 ดาวโดยความเอื้อเฟื้อของคุณนพดลและคุณวิชัยผู้จัดการโรงแรมซึ่งเป็นชาวไทย หลังจากเช็คอินแล้ว คุณนดลได้นำรถยนต์พาพวกเราชมเมืองเสียมเรียบ และผ่านรอบนอกของนครธมนครวัด ถึงแม้ว่าจะมีโอกาสเห็นนครธม นครวัดในระยะไกลแต่ความรู้สึกแรกเห็นตื่นตาตื่นใจยิ่ง หลังจากนั้นได้ไปไหว้องค์เจกองค์จอม พระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของเสียมเรียบ
เย็นวันนั้นคุณนพดลได้พาพวกเราไปทานอาหารเย็นที่บ้านในเสียมเรียบ มีไกด์ซึ่งพูดได้ทั้งไทยและกัมพูชามาทานด้วยหลายคน คุณนพดลได้ให้ข้อมูลการทำกิจกรรมในกัมพูชา คืนนั้นพวกเราเข้านอนค่อนข้างเร็วเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมในการเยี่ยมชมนครธม นครวัด หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในวันรุ่งขึ้น
เช้าวันถัดมาพวกเราปั่นจักรยานเข้านครธม นครวัด ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรม City Angkor เป็นที่น่าสังเกตุว่าเวลาขบวนปั่นจักรยานเส้นทางสีแดงผ่านไปที่ใดจะได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ส่วนชาวกัมพูชานั้นเป็นที่น่าสังเกตุว่ามีท่าทีที่เป็นมิตรกับคนเสื้อแดงมาก ไม่ต่างจากคำบอกเล่าที่ผมเคยได้ยินมา ว่าคนเสื้อแดงเกือบทั้งประเทศชอบคนเสื้อแดงและนายกทักษิณ ตอนที่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งชาวกัมพูชาเฮกันทั้งประเทศ ข้อมูลนี้ได้รับการยืนยันจากการลงมาทำกิจกรรมที่เขาพระวิหารและในกัมพูชา ทำให้เริ่มมองเห็นภาพว่าพรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่ส่งเสริมการค้าและการท่องเที่ยวกับเพื่อนบ้านโดยเฉพาะชาวกัมพูชามากกว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ในช่วงที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ก่อสงครามชายแดน ร้านค้าร้านอาหารหรือธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวของกัมพูชาซบเซามาก ส่งผลกระทบต่อรายได้และการจ้างงานของชาวกัมพูชาเป็นทอดๆ
ใครที่ได้เดินทางมาชมนครธม นครวัดครั้งแรกจะตื่นตาตื่นใจมาก การเดินชมนครธมนครวัดเป็นเสมือนภาพแห่งความฝัน ชวนให้จินตนาการถึงประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของอาณาจักรขอมโบราณ นครวัดเป็นศาสนสถานที่สร้างในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 ในราวต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 เดิมเป็นศาสนาสถานของศาสนาฮินดูเพื่อสร้างถวายแด่พระวิษณุ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นศาสนาพุทธ ตัวปราสาทนครวัดมีขนาด 200,000 ตรม. สูง 60 ม.กว้าง 80 ม. ยาว 80 ม. มีการวางแผนผังที่ถือกันว่ามีวิวัฒนาการสุดยอดของคนสมัยโบราณ ใช้หินกว่า 600,000 ตร. ใช้ช้างกว่า 40,000 เชือกและแรงงานนนับแสนในการขนหินจากเทือกเขาพนมกุเลนที่ห่างออกไปกว่า 50 กม. ภาพและคลิปของรูปปั้นพระวิษณุหรือพระนารายณ์ที่ผมถ่ายด้วยตนเองทำให้รู้สึกถึงความอลังการ์ของอาณาจักขอมสมัยโบราณ เมื่อแรกเห็นผมเสมือนตกอยู่ในความฝัน
พวกเราใช้เวลาทั้งวันในการเที่ยวชมนครธมนครวัด และผมพยายามเก็บภาพให้ได้มากที่สุดเพื่อมาเผยแพร่ให้คนเสื้อแดงได้เกิดความประทับใจและอยากจะเดินทางไปเยือนสักครั้งหนึ่งในชีวิต ภายในปี 2558 ประชาคมอาเซียนจะเกิดขึ้น และจะทำให้การเดินทางท่องเที่ยวของผู้คนของแต่ละประเทศเป็นไปอย่างง่ายดายและรวดเร็วเนื่องจากไม่ต้องใช้หนังสือเดินทาง ในฐานะอดีตหัวหน้าสาขาวิชาการท่องเที่ยวและอดีตอาจารย์รับเชิญของหลักสูตรปริญญาโทสาขาการท่องเที่ยว มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผมมองเห็นศักยภาพและอนาคตทางด้านการท่องเที่ยวของเสียมเรียบว่าจะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นในอนาคต และการมาเยือนสถานที่ทางประวัติศาสตร์นี้จะทำให้คนไทยได้เข้าในอดีตและความสัมพันธ์ของสองประเทศมากขึ้น
เย็นวันนั้น มีงานเลี้ยงต้อนรับที่โรงแรม City Angkor โดยคุณวิชัยผู้จัดการโรงแรมได้จัดงานที่บริเวณหลังโรงแรม ไกล้บริเวณสระน้ำ สถานที่โอ่โถงและสวยงามมาก มีคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ้คและสไลด้สำหรับการทำ Presentation ผมได้มีโอกาสบรรยายสรุปกิจกรรมเส้นทางสีแดงเพื่อสันติภาพที่อีสาน บอกเล่าถึงความสูญเสียของแต่ละครอบครัว และการช่วยเหลือของเส้นทางสีแดง การบรรยายใช้เวลาประมาณ 40 นาที และเป็นการบรรยายสดจากภาพประกอบกิจกรรมนับร้อยที่ผมถ่ายตั้งแต่ออกเดินทาง ขณะที่บรรยายนั้น ผมเกิดความรู้สึกว่าจะทำอย่างไรที่จะให้สังคมไทยได้รับรู้เรื่องราวของผู้สญเสียที่กระจายอยู่ตามป่าเขาและชนบท เรื่องราวของนักสู้ชาวอีสานที่เสียสละเพื่อประชาธิปไตยสมควรที่จะได้รับการเผยแพร่มากกว่านี้เพื่อเป็นการยกย่องและเชิดชุเกียรติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น