ตอน 6 ขึ้นเขาใหญ่ ผ่านน้ำตกเหวนรก :
ผมเคยพาเส้นทางสีแดงมาเยี่ยมพี่น้องปราจีนครั้งแรกเมื่อกลางปี 2554 คราวที่ทำกิจกรรมเส้นทางสีแดงต้านรัฐประหาร ครั้งนั้นคุณหมอสง่าจัดขบวนแรลลี่ร่วมกับเส้นทางสีแดงตระเวนไปทั่วเมืองปราจีน และทำการผูกผ้าแดงค่ายทหารถึง 4 ค่าย ผมเชื่อว่าเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวของคนเสื้อแดงที่จัดกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตยผูกผ้าแดงถึงหน้าค่ายทหาร
เช้าวันที่ 12 พย. 2555 พวกเราผ่านการทำกิจกรรมมา 8 วันระยะทางรวม 720 กม. สภาพร่างกายนักปั่นทุกคนยังแข็งแรง ไม่มีใครเจ็บป่วยแม้ว่าเมื่อวานต้องปั่นจักรยานตากฝนหลายชั่วโมง เป้าหมายของการทำกิจกรรมในวันนี้คือการไปเยี่ยมพี่น้องเสื้อแดงที่นครนายกในเวลากลางวัน จากนั้นเดินทางไปอ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ระยะทางในวันนี้คือ 100 กม.
พวกเราปั่นจักรยานถึงนครนายกในเวลาประมาณ 11.00 น. ผู้พันธนพัฒน์ ประธานนปช.เสื้อแดงนครนายกและพี่น้องเสื้อแดงได้เตรียมเลี้ยงอาหารกลางวัน ผู้การผดุงและรอ.ปรีชาได้เป็นตัวแทนกลุ่มเส้นทางสีแดงมอบเงินบริจาคให้กับผู้ได้รับผลกระทบ 2 รายผ่านผู้พันธนพัฒน์จำนวน 3,000 บาท ช่วงที่อยู่ระหว่างการเตรียมซองเงินบริจาคได้มีคนเสื้อแดงมาขอถ่ายรูปหลายคน ผมรู้สึกแปลกๆเพราะไม่คิดว่าตนเองเป็นคนสำคัญ
ก่อนออกเดินทาง ได้มีคนเสื้อแดงมาแนะนำเส้นทางลัดที่จะไปอ.วังน้ำเขียว โดยให้ใช้เส้นทางลัดตัดขึ้นเขาใหญ่ พวกเราตกลงที่จะใช้เส้นทางนี้ ปรากฏว่าเมื่อเข้าเขตเขาใหญ่ได้ไม่นาน เส้นทางลัดที่ว่าเริ่มสูงชันขึ้นทุกที และแทบไม่มีรถผ่านไปมา พวกเราปั่นจักรยานขึ้นเขาจนเหนื่อยหอบ หลายครั้งต้องลงมาจูงจักรยานเมื่อขึ้นภูเขา สลับกับการปั่นลงเขาเมื่อเป็นที่ลาด เป็นเช่นนี้สลับกันหลายชั่วโมง
เส้นทางขึ้นเขาใหญ่นับว่าเป็นเส้นทางที่ลำบากเส้นหนึ่งที่ผมเคยเจอมา คล้ายๆกับเส้นทางขึ้นเขาทางภูเรือ หรือไปแพร่ ความแตกต่างอยู่ที่เขาใหญ่เป็นป่าสงวน ราวบ่าย 3 พวกเราเริ่มสังเกตป้ายเตือนให้ระวังสัตว์ป่าข้างทาง ประมาณบ่าย 4 โมงเศษๆพวกเราเริ่มเห็นมูลช้างสดๆกลางถนน เข้าใจว่าช้างป่าเพิ่งจะผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ใจคอของผมเริ่มหวิวๆเพราะมองไม่เห็นว่าจะออกจากป่าเขาใหญ่ทันก่อนค่ำได้อย่างไร
5 โมงเย็นพวกเราถึงยอดเขาแห่งหนึ่ง นักปั่นหลายคนเริ่มหมดแรง ไม่สามารถที่จะเดินทางต่อไปได้ ผมเห็นป้ายอีก 3 กม.ถึงน้ำตกเหวนรก จึงตัดสินใจโทรหาผู้ประสานงานที่อ.วังน้ำเขียว ขอรถมารับที่จุดนี้เนื่องจากแน่ใจว่าไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ และการกางเตนท์กลางป่าบนเขาใหญ่หน้าหนาวเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยสนุกนัก และที่สำคัญพวกเราไม่มีใครมีเสบียงเหลือ นักปั่น 8 คนมีน้ำเหลือรวมกันไม่เกิน 1 ลิตร
โชคดีที่บนเขาใหญ่มีสัญญาณโทรศัพท์สามารถติดต่อได้ คุณสวั่น แกนนำชาวบ้านอ.วังน้ำเขียวได้นำรถกระบะมารับพวกเราเมือเวลาไกล้ค่ำ พาพวกเราไปยังที่พักซึ่งเป็นบ้านพักของคุณสวั่น ติดกับรีสอร์ทเล็กๆชื่อบุเจ้าคุณโฮมสเตย์ที่มีเจ้าของเป็นคนเสื้อแดง อ.วังน้ำเขียวเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เริ่มได้รับความนิยม มีรีสอร์ทเล็กๆสร้างใหม่หลายแห่ง เมื่อชาวบ้านทราบว่ามีนักปั่นเสื้อแดงเดินทางมาได้แวะมาเยี่ยม
พวกเรากางเตนท์นอนที่ลานสนามหญ้าหน้าบ้านคุณสวั่นหลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ คืนนั้นพวกเราหลับเป็นตายท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นของอำเภอวังน้ำเขียว โปรแกรมวัดถัดไปคือไปเยี่ยมผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้ายหลังอาหารเช้า
ผมเคยพาเส้นทางสีแดงมาเยี่ยมพี่น้องปราจีนครั้งแรกเมื่อกลางปี 2554 คราวที่ทำกิจกรรมเส้นทางสีแดงต้านรัฐประหาร ครั้งนั้นคุณหมอสง่าจัดขบวนแรลลี่ร่วมกับเส้นทางสีแดงตระเวนไปทั่วเมืองปราจีน และทำการผูกผ้าแดงค่ายทหารถึง 4 ค่าย ผมเชื่อว่าเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวของคนเสื้อแดงที่จัดกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตยผูกผ้าแดงถึงหน้าค่ายทหาร
เช้าวันที่ 12 พย. 2555 พวกเราผ่านการทำกิจกรรมมา 8 วันระยะทางรวม 720 กม. สภาพร่างกายนักปั่นทุกคนยังแข็งแรง ไม่มีใครเจ็บป่วยแม้ว่าเมื่อวานต้องปั่นจักรยานตากฝนหลายชั่วโมง เป้าหมายของการทำกิจกรรมในวันนี้คือการไปเยี่ยมพี่น้องเสื้อแดงที่นครนายกในเวลากลางวัน จากนั้นเดินทางไปอ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ระยะทางในวันนี้คือ 100 กม.
พวกเราปั่นจักรยานถึงนครนายกในเวลาประมาณ 11.00 น. ผู้พันธนพัฒน์ ประธานนปช.เสื้อแดงนครนายกและพี่น้องเสื้อแดงได้เตรียมเลี้ยงอาหารกลางวัน ผู้การผดุงและรอ.ปรีชาได้เป็นตัวแทนกลุ่มเส้นทางสีแดงมอบเงินบริจาคให้กับผู้ได้รับผลกระทบ 2 รายผ่านผู้พันธนพัฒน์จำนวน 3,000 บาท ช่วงที่อยู่ระหว่างการเตรียมซองเงินบริจาคได้มีคนเสื้อแดงมาขอถ่ายรูปหลายคน ผมรู้สึกแปลกๆเพราะไม่คิดว่าตนเองเป็นคนสำคัญ
ก่อนออกเดินทาง ได้มีคนเสื้อแดงมาแนะนำเส้นทางลัดที่จะไปอ.วังน้ำเขียว โดยให้ใช้เส้นทางลัดตัดขึ้นเขาใหญ่ พวกเราตกลงที่จะใช้เส้นทางนี้ ปรากฏว่าเมื่อเข้าเขตเขาใหญ่ได้ไม่นาน เส้นทางลัดที่ว่าเริ่มสูงชันขึ้นทุกที และแทบไม่มีรถผ่านไปมา พวกเราปั่นจักรยานขึ้นเขาจนเหนื่อยหอบ หลายครั้งต้องลงมาจูงจักรยานเมื่อขึ้นภูเขา สลับกับการปั่นลงเขาเมื่อเป็นที่ลาด เป็นเช่นนี้สลับกันหลายชั่วโมง
เส้นทางขึ้นเขาใหญ่นับว่าเป็นเส้นทางที่ลำบากเส้นหนึ่งที่ผมเคยเจอมา คล้ายๆกับเส้นทางขึ้นเขาทางภูเรือ หรือไปแพร่ ความแตกต่างอยู่ที่เขาใหญ่เป็นป่าสงวน ราวบ่าย 3 พวกเราเริ่มสังเกตป้ายเตือนให้ระวังสัตว์ป่าข้างทาง ประมาณบ่าย 4 โมงเศษๆพวกเราเริ่มเห็นมูลช้างสดๆกลางถนน เข้าใจว่าช้างป่าเพิ่งจะผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ใจคอของผมเริ่มหวิวๆเพราะมองไม่เห็นว่าจะออกจากป่าเขาใหญ่ทันก่อนค่ำได้อย่างไร
5 โมงเย็นพวกเราถึงยอดเขาแห่งหนึ่ง นักปั่นหลายคนเริ่มหมดแรง ไม่สามารถที่จะเดินทางต่อไปได้ ผมเห็นป้ายอีก 3 กม.ถึงน้ำตกเหวนรก จึงตัดสินใจโทรหาผู้ประสานงานที่อ.วังน้ำเขียว ขอรถมารับที่จุดนี้เนื่องจากแน่ใจว่าไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ และการกางเตนท์กลางป่าบนเขาใหญ่หน้าหนาวเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยสนุกนัก และที่สำคัญพวกเราไม่มีใครมีเสบียงเหลือ นักปั่น 8 คนมีน้ำเหลือรวมกันไม่เกิน 1 ลิตร
โชคดีที่บนเขาใหญ่มีสัญญาณโทรศัพท์สามารถติดต่อได้ คุณสวั่น แกนนำชาวบ้านอ.วังน้ำเขียวได้นำรถกระบะมารับพวกเราเมือเวลาไกล้ค่ำ พาพวกเราไปยังที่พักซึ่งเป็นบ้านพักของคุณสวั่น ติดกับรีสอร์ทเล็กๆชื่อบุเจ้าคุณโฮมสเตย์ที่มีเจ้าของเป็นคนเสื้อแดง อ.วังน้ำเขียวเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เริ่มได้รับความนิยม มีรีสอร์ทเล็กๆสร้างใหม่หลายแห่ง เมื่อชาวบ้านทราบว่ามีนักปั่นเสื้อแดงเดินทางมาได้แวะมาเยี่ยม
พวกเรากางเตนท์นอนที่ลานสนามหญ้าหน้าบ้านคุณสวั่นหลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ คืนนั้นพวกเราหลับเป็นตายท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นของอำเภอวังน้ำเขียว โปรแกรมวัดถัดไปคือไปเยี่ยมผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้ายหลังอาหารเช้า