ตอนที่ 5 นักปั่นรุ่นจิ๋ว และลูกสาวบุญธรรมที่สระแก้ว :
เช้าวันที่ 10 พย. พวกเราตื่นขึ้นมาท่ามกลางอากาศที่หนาวยะเยือกใจกลางเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จก่อนออกเดินทางได้มีนายตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรอำเภอเขาสอยดาวมาดูแลความเรียบร้อยก่อนออกเดินทาง ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นผู้กำกับสถานี
เป้าหมายในวันนี้คือจังหวัดสระบุรี ระยะทางคือ 128 กม. บรรยากาศการปั่นช่วงเช้าน่าประทับใจมาก อากาศเย็นสบาย ก่อนเที่ยงพวกเราแวะทานกาแฟสดข้างทางที่ตั้งอยู่บนเนินเขา เจ้าของร้านเข้าใจว่าชอบคนเสื้อแดง มาขอถ่ายรุปหมู่เป็นที่ระลึก
วันนั้นพวกเราทำเวลาได้ค่อนข้างดี ระยะทางร้อยกิโลเศษแม้จะค่อนข้างไกลแต่เนื่องจากเส้นทางส่วนใหญ่เป็นทางลงเนินเขาและถนนก็ไม่มีรถพลุกพล่าน พวกเราจึงถึงสถานที่นัดหมายตรงเวลา คุณมิตรซึ่งเป็นตำรวจสันติบาลอาสาเป็นผู้ประสานงานให้กับเส้นทางสีแดงที่สระแก้ว ก่อนเข้าเมืองประมาณ 5 กม. พวกเราพบกับขบวนต้อนรับซึ่งเป็นขบวนจักรยานของนักปั่นรุ่นจิ๋ว อายุตั้งแต่ 5 ขวบจนถึง 12 ขวบ ทั้งหมดเป็นเด็กนักเรียนลูกหลานชาวสระแก้ว เด็กๆพวกนี้คงจะชินกับการปั่นจักรยาน พวกเขาปั่นจักรยานร่วมกับกับนักปั่นรุ่นคุณลุงหรือคุณปู่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเป็นระยะทางหลายกิโล
นักปั่นเส้นทางสีแดงรุ่นจิ๋วร่วม 30 คนพาพวกเราไปไหว้หลวงพ่อทองที่วัดสระแก้ว จากนั้นปั่นจักรยานด้วยกันไปที่สถานที่ทำกิจกรรมคือวัดศาลาลำดวน เด็กๆถ่ายรูปกับผอ.พิจนิจซึ่งเป็นอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนจากลพบุรีที่ลานสนามหญ้าในวัด ภาพออกมาน่ารักมาก
ในเวลาเย็นมีผู้ได้รับผลกระทบมาพร้อมกับคนเสื้อแดงหลายคนแวะมาเยี่ยม พวกเราสนทนาและรับประทานอาหารร่วมกันอย่างเป็นกันเอง จากนั้นรอ.ปรีชาได้เป็นตัวแทนกลุ่มมอบเงินบริจาคจำนวน 1,000 บาท ผู้ได้รับผลกระทบคนนี้ได้มอบต่อให้กับคนเสื้อแดงที่มาด้วยกันที่ต้องการความช่วยเหลือมากกว่า นี่เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ยืนยันถึงความมีน้ำใจของคนเสื้อแดง
ที่นี่ผมได้พบกับเด็กหญิงคนหนึ่งอายุราว 9 ขวบ เด็กคนนี้ฉลาดและช่างซักช่างถาม เธอเรียกผมว่า “คุณลุงหมีแพนด้า” เนื่องจากใบหน้าผมเป็นสีขาวและสีดำ ใบหน้ารอบนอกดำเนื่องจากเกร๊ยมแดด แต่รอบดวงตาขาวเพราะแว่นกันแดด เธออาสาพาผมไปยังโบสถ์ที่เป็นที่นอน จัดที่นอนให้และชวนผมไปเล่นเกมส์ที่ร้านอินเทอร์เนทที่อยู่ไกล้ๆ ผมถือโอกาสส่งข่าวกิจกรรมทาง facebook และกลับมาที่วัดเพื่อกราบเจ้าอาวาสร่วมกัน
ป้าของเป็นเด็กคนนี้ซึ่งเป็นคนเสื้อแดงเล่าว่าเธอกำพร้าแม่และต้องแยกกันอยุ่กับบิดา ทุกวันนี้เรียกป้าว่าแม่ซึ่งเป็นผู้อุปการะเธอพร้อมกับเอ่ยปากยกให้เป็นลูกสาวบุญธรรม ก่อนนอนเธอมาขอนอนกับผมที่โบสถ์พร้อมกับนักปั่นคนอื่นๆ เธอชวนคนเสื้อแดงอีกคนมานอนเป็นเพื่อน เธอนอนหนุนอกผมเหมือนกับเป็นลูกสาวจริงๆ เล่าเรื่องเกี่ยวกับสระแก้วให้ฟังแล้วก็หลับไปง่ายๆ
เช้าวันที่ 10 พย. พวกเราเตรียมตัวเดินทางไปปราจีนบุรี ก่อนออกเดินทางแกนนำสระแก้วพาพวกเราไปไหว้พระที่วัดแห่งหนึ่ง เจ้าอาวาสได้มอบเงินบริจาคเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และได้มอบพระเครื่ององค์เล็กๆซึ่งผมตั้งใจจะนำไปมอบให้กับผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายที่อ.วังน้ำเขียว จ.นครนายกในอีก 2 วันข้างหน้า
ระยะทางไปปราจีนบุรีคือ 89 กม. พวกเราเดินทางเพียงแค่กลางทางก็พบอุปสรรคเล็กน้อย เนื่องจากรถจักรยาน 2 คันถูกเศษแก้วบนพื้นถนนเจาะพร้อมกัน 2 คัน แต่เนื่องจากเป็นช่วงที่ฝนเริ่มโปรยลงมา ตำรวจที่ติดตามมาดูแลจึงได้อาสานำรถจักรยานขึ้นบนรถกระบะและพาไปส่งถึงตัวเมืองปราจีนบุรี ในขณะที่อยู่บนหลังรถของตำรวจนั้น ผมมองดูขบวนจักรยานเส้นทางสีแดงที่อยู่ข้างหน้าปั่นไปตามถนนท่ามกลางสายฝน
ผมเกิดความรู้สึกว่านี่คือการแสดงออกของคนเสื้อแดงในการเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างสร้างสรรค์และสวยงามที่สุด
เช้าวันที่ 10 พย. พวกเราตื่นขึ้นมาท่ามกลางอากาศที่หนาวยะเยือกใจกลางเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาสอยดาว หลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จก่อนออกเดินทางได้มีนายตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรอำเภอเขาสอยดาวมาดูแลความเรียบร้อยก่อนออกเดินทาง ผมเข้าใจว่าน่าจะเป็นผู้กำกับสถานี
เป้าหมายในวันนี้คือจังหวัดสระบุรี ระยะทางคือ 128 กม. บรรยากาศการปั่นช่วงเช้าน่าประทับใจมาก อากาศเย็นสบาย ก่อนเที่ยงพวกเราแวะทานกาแฟสดข้างทางที่ตั้งอยู่บนเนินเขา เจ้าของร้านเข้าใจว่าชอบคนเสื้อแดง มาขอถ่ายรุปหมู่เป็นที่ระลึก
วันนั้นพวกเราทำเวลาได้ค่อนข้างดี ระยะทางร้อยกิโลเศษแม้จะค่อนข้างไกลแต่เนื่องจากเส้นทางส่วนใหญ่เป็นทางลงเนินเขาและถนนก็ไม่มีรถพลุกพล่าน พวกเราจึงถึงสถานที่นัดหมายตรงเวลา คุณมิตรซึ่งเป็นตำรวจสันติบาลอาสาเป็นผู้ประสานงานให้กับเส้นทางสีแดงที่สระแก้ว ก่อนเข้าเมืองประมาณ 5 กม. พวกเราพบกับขบวนต้อนรับซึ่งเป็นขบวนจักรยานของนักปั่นรุ่นจิ๋ว อายุตั้งแต่ 5 ขวบจนถึง 12 ขวบ ทั้งหมดเป็นเด็กนักเรียนลูกหลานชาวสระแก้ว เด็กๆพวกนี้คงจะชินกับการปั่นจักรยาน พวกเขาปั่นจักรยานร่วมกับกับนักปั่นรุ่นคุณลุงหรือคุณปู่อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเป็นระยะทางหลายกิโล
นักปั่นเส้นทางสีแดงรุ่นจิ๋วร่วม 30 คนพาพวกเราไปไหว้หลวงพ่อทองที่วัดสระแก้ว จากนั้นปั่นจักรยานด้วยกันไปที่สถานที่ทำกิจกรรมคือวัดศาลาลำดวน เด็กๆถ่ายรูปกับผอ.พิจนิจซึ่งเป็นอดีตผู้อำนวยการโรงเรียนจากลพบุรีที่ลานสนามหญ้าในวัด ภาพออกมาน่ารักมาก
ในเวลาเย็นมีผู้ได้รับผลกระทบมาพร้อมกับคนเสื้อแดงหลายคนแวะมาเยี่ยม พวกเราสนทนาและรับประทานอาหารร่วมกันอย่างเป็นกันเอง จากนั้นรอ.ปรีชาได้เป็นตัวแทนกลุ่มมอบเงินบริจาคจำนวน 1,000 บาท ผู้ได้รับผลกระทบคนนี้ได้มอบต่อให้กับคนเสื้อแดงที่มาด้วยกันที่ต้องการความช่วยเหลือมากกว่า นี่เป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่ยืนยันถึงความมีน้ำใจของคนเสื้อแดง
ที่นี่ผมได้พบกับเด็กหญิงคนหนึ่งอายุราว 9 ขวบ เด็กคนนี้ฉลาดและช่างซักช่างถาม เธอเรียกผมว่า “คุณลุงหมีแพนด้า” เนื่องจากใบหน้าผมเป็นสีขาวและสีดำ ใบหน้ารอบนอกดำเนื่องจากเกร๊ยมแดด แต่รอบดวงตาขาวเพราะแว่นกันแดด เธออาสาพาผมไปยังโบสถ์ที่เป็นที่นอน จัดที่นอนให้และชวนผมไปเล่นเกมส์ที่ร้านอินเทอร์เนทที่อยู่ไกล้ๆ ผมถือโอกาสส่งข่าวกิจกรรมทาง facebook และกลับมาที่วัดเพื่อกราบเจ้าอาวาสร่วมกัน
ป้าของเป็นเด็กคนนี้ซึ่งเป็นคนเสื้อแดงเล่าว่าเธอกำพร้าแม่และต้องแยกกันอยุ่กับบิดา ทุกวันนี้เรียกป้าว่าแม่ซึ่งเป็นผู้อุปการะเธอพร้อมกับเอ่ยปากยกให้เป็นลูกสาวบุญธรรม ก่อนนอนเธอมาขอนอนกับผมที่โบสถ์พร้อมกับนักปั่นคนอื่นๆ เธอชวนคนเสื้อแดงอีกคนมานอนเป็นเพื่อน เธอนอนหนุนอกผมเหมือนกับเป็นลูกสาวจริงๆ เล่าเรื่องเกี่ยวกับสระแก้วให้ฟังแล้วก็หลับไปง่ายๆ
เช้าวันที่ 10 พย. พวกเราเตรียมตัวเดินทางไปปราจีนบุรี ก่อนออกเดินทางแกนนำสระแก้วพาพวกเราไปไหว้พระที่วัดแห่งหนึ่ง เจ้าอาวาสได้มอบเงินบริจาคเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทาง และได้มอบพระเครื่ององค์เล็กๆซึ่งผมตั้งใจจะนำไปมอบให้กับผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายที่อ.วังน้ำเขียว จ.นครนายกในอีก 2 วันข้างหน้า
ระยะทางไปปราจีนบุรีคือ 89 กม. พวกเราเดินทางเพียงแค่กลางทางก็พบอุปสรรคเล็กน้อย เนื่องจากรถจักรยาน 2 คันถูกเศษแก้วบนพื้นถนนเจาะพร้อมกัน 2 คัน แต่เนื่องจากเป็นช่วงที่ฝนเริ่มโปรยลงมา ตำรวจที่ติดตามมาดูแลจึงได้อาสานำรถจักรยานขึ้นบนรถกระบะและพาไปส่งถึงตัวเมืองปราจีนบุรี ในขณะที่อยู่บนหลังรถของตำรวจนั้น ผมมองดูขบวนจักรยานเส้นทางสีแดงที่อยู่ข้างหน้าปั่นไปตามถนนท่ามกลางสายฝน
ผมเกิดความรู้สึกว่านี่คือการแสดงออกของคนเสื้อแดงในการเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างสร้างสรรค์และสวยงามที่สุด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น