5 September 2012 at 15:26
28 เยี่ยมผู้ต้องขัง 13 ครอบครัวที่มุกดาหาร
ที่นครพนมพวกเราค้างคืนที่บ้านของครูอ๋องซึ่งอยู่ในเมือง ครูอ๋องเคยต้อนรับกิจกรรมเส้นทางสีแดงเมื่อครั้งมาเยือนอีสานครั้งแรกเมื่อปลายปี 2553 และเป็นผู้พาเราไปเยี่ยมชมอนุสรณ์สถานของคุณจิตร ภูมิศักดิ์ซึ่งเป็นสถานที่ๆจิตร ภูมิศักดิ์ถูกยิงเสียชีวิตที่บ้านหนองกุง อ.วาริชภูมิ จ.สกลนครเมื่อปี 2509
เช้าวันอาทิตย์ 29 มค.พวกเราออกเดินทางจากนครพนมมุ่งหน้ามุกดาหาร โปรแกรมในวันนั้นคือเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจครอบครัวของผู้ต้องขังในจังหวัดมุกดาหารมีคุณลุงโรตี ซึ่งเป็นบิดาของผู้ต้องขังรายหนึ่งเป็นแกนนำชาวบ้าน การเดินทางมามุกดาหารครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่เคยมาเยี่ยมครั้งแรกเมื่อปี 2553
ระยะทางจากนครพนมถึงมุกดาหาร 53 กม. คณะปั่นจักรยานเส้นทางสีแดงเดินทางมาถึงศูนย์ประสานงานนปช.คนรักประชาธิปไตยซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีวิทยุคนเสื้อแดงคลื่น FM 106.75 ในเวลาบ่ายโมง เมื่อพวกเราเดินทางมาถึงได้รับมอบช่อดอกไม้จากบรรดาญาติพี่น้องของผู้ต้องขังที่มาให้กำลังใจ ครอบครัวของผู้ต้องขังส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านในชนบท หลายคนเดินทางมาจากต่างอำำเภอ พวกเขามีรอยยิ้มที่ใบหน้าเมื่อเห็นคณะปั่นจักรยานเส้นทางสีแดงมาเยี่ยมพวกเขาถึงมุกดาหาร คุณประเศียร สีสด ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกล่าวต้อนรับ
หลังจากที่รับประทานอาหารร่วมกัน รอ.ปรีชาได้เป็นตัวแทนของกลุ่มขึ้นกล่าวคำทักทายให้กำลังใจ บอกเล่าถึงเรื่องราวการเดินทางตลอดระยะทางพันกว่ากิโลที่ผ่านมา จากนั้นพวกเราได้ร่วมกันมอบเงินบริจาคให้กับครอบครัวของผู้้ต้องขังทั้งหมดโดยมีคุณลุงวิจารณ์ ปิ่นสินชัย (คุณพ่อของผู้ต้องขังและหนึ่งในแกนนำชาวบ้าน) และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเสื้อแดงที่เป็นหญิงและเป็นตัวแทนรับมอบต่อหน้าสักขีพยาน
เงินบริจาคที่มอบให้ในวันนั้นจำนวน 8,753 บาท มาจากคุณมัทรี รัตตโน (ภรรยาของคุณสมบัติ รัตโน ที่ปรึกษารัฐมตรีช่วยกระทรวงคมนาคม) ที่รวบรวมน้ำใจจากพี่น้องพยาบาลโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อบลราชธานีจำนวน 3,000 บาท และมาจากเงินบริจาคทั้งหมดที่มีอยู่ในตู้บริจาคจำนวน 5,753 บาท การนับเงินบริจาคนับกันต่อหน้าทุกคนและจดยอดเงินบริจาคทั้งหมดพร้อมกับถ่ายภาพเงินบริจาคไว้เป็นหลักฐานการทำกิจกรรม
สิ่งที่น่าขบขันสำหรับกิจกรรมในวันนั้นก็คือมีเพื่อนเสื้อแดงในเฟซบุ้คคนหนึ่งที่เคยได้ยินข่าวปล่อยจากผู้ไม่หวังดีที่ใช้ชื่อในเฟซบุ้คว่า "มะโหน่งครางเบาๆ" ที่ปล่อยข่าวทำลายชื่อเสียงของผมและกิจกรรมเส้นทางสีแดงก่อนออกเดินทางไม่นาน เพื่อนคนนี้คงอยากจะพิสูจน์ให้เห็นกับตาว่าผมหรือกิจกรรมเส้นทางสีแดงเป็นอย่างที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ เมื่อได้เห็นกับตาว่าพวกเราำนำเงินบริจาคที่ได้รับ (ทั้งจากที่มีผู้โอนมาให้ผ่านบัญชีโครงการและจากเงินที่มีอยู่ในตู้บริจาคทั้งหมด) มอบให้ผู้ต้องขังทั้ง 13 ครอบครัวก็คงจะหายความคลางแคลงสงสัย เพื่อนเฟซบุ้คคนนี้ได้บอกกับผมภายหลังเสร็จสิ้นการบริจาคแล้วว่าขอมาดูให้เห็นกับตาว่าเหมือนกับที่เคยได้ยินมาในข่าวลือหรือไม่ พวกเราได้แต่หัวเราะกันกับข่าวลือเหลวไหลที่เกิดขึ้น และผมก็ไม่เคยสอบถามว่าคนที่ปล่อยข่าวลือที่ใช้ชื่อประหลาดพิกลนี้เป็นใครมาจากไหนเพราะเห็นเป็นเรื่องไร้สาระ
เย็นวันนั้นพวกเราได้รับเชิญจากคุณหมอเสื้อแดงท่านหนึ่งที่เชิญพวกเราไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้าน อาหารมื้อนั้นเป็นอาหารอีสานแท้ๆและบรรยากาศน่าประทับใจมาก อากาศที่มุกดาหารหนาวเย็น เจ้าบ้านได้หมักเหล้าจีนสมุนไพรเตรียมไว้ในโหลใบใหญ่ พวกเราได้ดื่มแก้หนาวกันไปหลายแก้ว เหล้าสมุนไพรช่วยในเรื่องของการบำรุงร่างกายและแก้ปวดเมื่อยจากการปั่นจักรยานพันกว่ากิโลได้เป็นอย่างดี ก่อนจากกันผมได้แบ่งมา 2 ขวดเพื่อใช้บำรุงร่างกายในการเดินทาง
คืนนั้นพวกเราพักที่วัดภูมโนรมย์ซึ่งเป็นวัดที่อยู่บนภูเขาติดกับแม่น้ำโขง มีชาวบ้านจากมุกดาหารไปกางเตนท์นอนเป็นเพื่อนยี่สิบกว่าคน ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ลมแรงและอากาศหนาวจัด ผมและสมาชิกเส้นทางสีแดงขึ้นไปนอนบนอุโบสถหน้าพระประธาน เช้าตื่นขึ้นมาก่อนออกเดินทางได้ถ่ายรูปหมู่ร่วมกับพี่น้องชาวมุกดาหารเป็นที่ระลึก ภาพออกมาสวยงามมาก ด้านหลังเป็นแม่น้ำโขง ข้ามไปเป็นแขวงสวันเขตของสปป.ลาว
กิจกรรมเส้นทางสีแดงมีเอกลักษณ์ของตนเอง พวกเราไม่ต้องการขึ้นเวทีปราศัย ไม่ต้องการร้องเพลงบนเวที พวกเราไม่ใช่ศิลปินหรือดาราที่ทำเช่นนั้น แต่พวกเราคือนักกิจกรรมเพื่อมนุษยธรรม หน้าที่ของพวกเราคือสร้างความรัก ความผูกพัน ร้อยเรียงสายใยนี้ไว้ด้วยกันผ่านการเดินทางของเส้นทางสีแดง เพื่อที่จะยืนยันคำพูดอมตะของคนเสื้อแดงหลังสลายการชุมนุมที่ราชประสงค์ว่าปี 2553 ว่า ... พวกเรา ไม่เคยทิ้งกัน !
ที่นครพนมพวกเราค้างคืนที่บ้านของครูอ๋องซึ่งอยู่ในเมือง ครูอ๋องเคยต้อนรับกิจกรรมเส้นทางสีแดงเมื่อครั้งมาเยือนอีสานครั้งแรกเมื่อปลายปี 2553 และเป็นผู้พาเราไปเยี่ยมชมอนุสรณ์สถานของคุณจิตร ภูมิศักดิ์ซึ่งเป็นสถานที่ๆจิตร ภูมิศักดิ์ถูกยิงเสียชีวิตที่บ้านหนองกุง อ.วาริชภูมิ จ.สกลนครเมื่อปี 2509
เช้าวันอาทิตย์ 29 มค.พวกเราออกเดินทางจากนครพนมมุ่งหน้ามุกดาหาร โปรแกรมในวันนั้นคือเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจครอบครัวของผู้ต้องขังในจังหวัดมุกดาหารมีคุณลุงโรตี ซึ่งเป็นบิดาของผู้ต้องขังรายหนึ่งเป็นแกนนำชาวบ้าน การเดินทางมามุกดาหารครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่เคยมาเยี่ยมครั้งแรกเมื่อปี 2553
ระยะทางจากนครพนมถึงมุกดาหาร 53 กม. คณะปั่นจักรยานเส้นทางสีแดงเดินทางมาถึงศูนย์ประสานงานนปช.คนรักประชาธิปไตยซึ่งเป็นที่ตั้งของสถานีวิทยุคนเสื้อแดงคลื่น FM 106.75 ในเวลาบ่ายโมง เมื่อพวกเราเดินทางมาถึงได้รับมอบช่อดอกไม้จากบรรดาญาติพี่น้องของผู้ต้องขังที่มาให้กำลังใจ ครอบครัวของผู้ต้องขังส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านในชนบท หลายคนเดินทางมาจากต่างอำำเภอ พวกเขามีรอยยิ้มที่ใบหน้าเมื่อเห็นคณะปั่นจักรยานเส้นทางสีแดงมาเยี่ยมพวกเขาถึงมุกดาหาร คุณประเศียร สีสด ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกล่าวต้อนรับ
หลังจากที่รับประทานอาหารร่วมกัน รอ.ปรีชาได้เป็นตัวแทนของกลุ่มขึ้นกล่าวคำทักทายให้กำลังใจ บอกเล่าถึงเรื่องราวการเดินทางตลอดระยะทางพันกว่ากิโลที่ผ่านมา จากนั้นพวกเราได้ร่วมกันมอบเงินบริจาคให้กับครอบครัวของผู้้ต้องขังทั้งหมดโดยมีคุณลุงวิจารณ์ ปิ่นสินชัย (คุณพ่อของผู้ต้องขังและหนึ่งในแกนนำชาวบ้าน) และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเสื้อแดงที่เป็นหญิงและเป็นตัวแทนรับมอบต่อหน้าสักขีพยาน
เงินบริจาคที่มอบให้ในวันนั้นจำนวน 8,753 บาท มาจากคุณมัทรี รัตตโน (ภรรยาของคุณสมบัติ รัตโน ที่ปรึกษารัฐมตรีช่วยกระทรวงคมนาคม) ที่รวบรวมน้ำใจจากพี่น้องพยาบาลโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อบลราชธานีจำนวน 3,000 บาท และมาจากเงินบริจาคทั้งหมดที่มีอยู่ในตู้บริจาคจำนวน 5,753 บาท การนับเงินบริจาคนับกันต่อหน้าทุกคนและจดยอดเงินบริจาคทั้งหมดพร้อมกับถ่ายภาพเงินบริจาคไว้เป็นหลักฐานการทำกิจกรรม
สิ่งที่น่าขบขันสำหรับกิจกรรมในวันนั้นก็คือมีเพื่อนเสื้อแดงในเฟซบุ้คคนหนึ่งที่เคยได้ยินข่าวปล่อยจากผู้ไม่หวังดีที่ใช้ชื่อในเฟซบุ้คว่า "มะโหน่งครางเบาๆ" ที่ปล่อยข่าวทำลายชื่อเสียงของผมและกิจกรรมเส้นทางสีแดงก่อนออกเดินทางไม่นาน เพื่อนคนนี้คงอยากจะพิสูจน์ให้เห็นกับตาว่าผมหรือกิจกรรมเส้นทางสีแดงเป็นอย่างที่ถูกกล่าวหาหรือไม่ เมื่อได้เห็นกับตาว่าพวกเราำนำเงินบริจาคที่ได้รับ (ทั้งจากที่มีผู้โอนมาให้ผ่านบัญชีโครงการและจากเงินที่มีอยู่ในตู้บริจาคทั้งหมด) มอบให้ผู้ต้องขังทั้ง 13 ครอบครัวก็คงจะหายความคลางแคลงสงสัย เพื่อนเฟซบุ้คคนนี้ได้บอกกับผมภายหลังเสร็จสิ้นการบริจาคแล้วว่าขอมาดูให้เห็นกับตาว่าเหมือนกับที่เคยได้ยินมาในข่าวลือหรือไม่ พวกเราได้แต่หัวเราะกันกับข่าวลือเหลวไหลที่เกิดขึ้น และผมก็ไม่เคยสอบถามว่าคนที่ปล่อยข่าวลือที่ใช้ชื่อประหลาดพิกลนี้เป็นใครมาจากไหนเพราะเห็นเป็นเรื่องไร้สาระ
เย็นวันนั้นพวกเราได้รับเชิญจากคุณหมอเสื้อแดงท่านหนึ่งที่เชิญพวกเราไปรับประทานอาหารเย็นที่บ้าน อาหารมื้อนั้นเป็นอาหารอีสานแท้ๆและบรรยากาศน่าประทับใจมาก อากาศที่มุกดาหารหนาวเย็น เจ้าบ้านได้หมักเหล้าจีนสมุนไพรเตรียมไว้ในโหลใบใหญ่ พวกเราได้ดื่มแก้หนาวกันไปหลายแก้ว เหล้าสมุนไพรช่วยในเรื่องของการบำรุงร่างกายและแก้ปวดเมื่อยจากการปั่นจักรยานพันกว่ากิโลได้เป็นอย่างดี ก่อนจากกันผมได้แบ่งมา 2 ขวดเพื่อใช้บำรุงร่างกายในการเดินทาง
คืนนั้นพวกเราพักที่วัดภูมโนรมย์ซึ่งเป็นวัดที่อยู่บนภูเขาติดกับแม่น้ำโขง มีชาวบ้านจากมุกดาหารไปกางเตนท์นอนเป็นเพื่อนยี่สิบกว่าคน ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ลมแรงและอากาศหนาวจัด ผมและสมาชิกเส้นทางสีแดงขึ้นไปนอนบนอุโบสถหน้าพระประธาน เช้าตื่นขึ้นมาก่อนออกเดินทางได้ถ่ายรูปหมู่ร่วมกับพี่น้องชาวมุกดาหารเป็นที่ระลึก ภาพออกมาสวยงามมาก ด้านหลังเป็นแม่น้ำโขง ข้ามไปเป็นแขวงสวันเขตของสปป.ลาว
กิจกรรมเส้นทางสีแดงมีเอกลักษณ์ของตนเอง พวกเราไม่ต้องการขึ้นเวทีปราศัย ไม่ต้องการร้องเพลงบนเวที พวกเราไม่ใช่ศิลปินหรือดาราที่ทำเช่นนั้น แต่พวกเราคือนักกิจกรรมเพื่อมนุษยธรรม หน้าที่ของพวกเราคือสร้างความรัก ความผูกพัน ร้อยเรียงสายใยนี้ไว้ด้วยกันผ่านการเดินทางของเส้นทางสีแดง เพื่อที่จะยืนยันคำพูดอมตะของคนเสื้อแดงหลังสลายการชุมนุมที่ราชประสงค์ว่าปี 2553 ว่า ... พวกเรา ไม่เคยทิ้งกัน !
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น